พ.อ.(พิเศษ) วันชนะ เกิดดี หรือ “ผู้พันเบิร์ด” ทหาร จิตอาสา 904 ย้อนเล่าเรื่องราวเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน ได้ถ่ายทอด เรื่องราวที่พ่อแท้ๆของเขาเอง ซึ่งก็เคยรับราชการเป็นทหาร ได้ทำงานสนิทชิดใกล้กับ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษของไทย ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี คนสงขลา “พาป๋าหลบบ้าน” เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผู้พันเบิร์ด ได้รื้อฟื้นความทรงจำในใจให้ผู้เขียนได้ฟังไว้อย่างน่าชื่นชม …
“พาป๋าหลบบ้าน” เมื่อได้ยินข่าวการนำกระดูกของป๋าเปรม กลับบ้านเกิดที่สงขลา เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้ผมย้อนคิดถึงป๋าฯ หรือ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อครั้งที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชา ของพ่อผม เรื่องราวที่พ่อเคยเล่าให้ฟังตอนผมยังเด็กๆ กระทั่งเมื่อวานนี้ผมได้พูดคุยกับพ่อ ย้อนระลึกความหลังเรื่องป๋าเปรม อีกครั้ง พ่อผมในวันที่อายุล่วงเลยมาถึงวัยชรา ยังมีภาพป๋า ฉายชัดในหัวใจ
พ่อของผมคือ พันเอก อรัญ สวัสดี ปัจจุบัน อายุ 85 ปี เล่าด้วยความจำที่แม่นยำ และอธิบายทุกฉากตอนอย่างชัดเจนละเอียด ก่อนจะเกริ่นก่อนเข้าเรื่องว่า…. “เสียดายตอนที่ป๋าเป็นองคมนตรี พ่อไม่ได้ไปหาป๋าเลย ป๋าเสียเร็วไปหน่อย”
… ผมเองก็นึกในใจว่า ไม่เร็วหลอกพ่อ ป๋าเสียตั้งอายุ 99 ปี
ตอนป๋า เป็น “พันเอก” ขณะนั้นพ่อมี ยศ ส.ท. เป็นครูวิชาอาวุธ ที่ รร. ยานเกราะ บางกระบือ ส่วน ป๋ามีตำแหน่งเป็น รอง ผู้บัญชาการ รร.ยานเกราะ เวลาพ่อสอนหนังสือ ก็จะมีการถ่ายทอดเสียงครูไปที่ห้อง รอง ผบ. ด้วย ป๋าจึงได้ยินเสียงพ่อผมเป็นประจำ เรียกได้ว่า ได้ยินเสียงก็จำหน้าได้ และเมื่อ รร.ยานเกราะ ไปรวมกับ ศูนย์การทหารม้า ก็ย้ายไปอยู่ที่ สระบุรี พ่อผมก็ย้ายไปสระบุรี ส่วนป๋าก็เลื่อนตำแหน่งเป็น “ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า” ในขณะที่พ่อผม ติดยศเป็น จ.ส.อ.
ซึ่งนอกจาก เรื่องที่ป๋าได้ยินแค่เสียงพ่อ ก็จำหน้าได้ พ่อผมก็ยังสร้างวีรกรรม มากวนใจป๋า อยู่เสมอๆ อย่างตอนอยู่ที่ศูนย์การทหารม้า พ่อผมกวนใจป๋าเรื่อง การไปรบที่เวียดนาม ซึ่งต้องผ่านการฝึกถึง 3 หลักสูตร คือ 1.รองผู้บังคับหมวด 2.กระโดดร่ม 3.จู่โจม ในขณะนััน พ่อผมเรียนผ่านมาแล้ว แต่ปรากฏว่ามีการแทรกรายชื่อแทนกลุ่มทหารม้าที่สระบุรี เหตุนี้เองทำให้พ่อของผมต้องเข้าพบป๋า เพื่อเรียนให้ทราบ ส่งผลเดือดร้อนไปยัง เสธ ศม.ที่ต้องเดินทางไปสืบความจริง จนสร้างความรำคาญใจให้ป๋าและฝ่ายเสธของป๋า มาถึงตอนนี้ผมว่าไม่ใช่แค่ป๋า ที่จำพ่อผมขึ้นใจ แต่เป็นนายทหารฝ่ายเสธอีกหลายท่านก็จำได้ด้วย
จนสุดท้ายพ่อผมและอีกหลายคนก็ได้ไปรบที่เวียดนามตามสิทธิ์ที่ควรจะได้ตั้งแต่ต้น และการที่พ่อผมอยากไปรบครั้งนี้ นอกจากจะได้ทำหน้าที่รั้วของชาติ อย่างสมความภาคภูมิใจแล้ว เมื่อจบศึกเวียดนาม พ่อผมก็จะได้ติดร้อยตรี ตามมา .. …ซึ่งก่อนไปรบ พ่อผมยังกวนใจต่อ ด้วยการถามป๋าว่า ….”แล้วถ้าเขายกเลิกการไปรบที่เวียดนามพวกผมก็อดไปสิครับ” ป๋าเลยบอกพ่อว่า “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่าดวงพวกเธอจะไม่ได้ไป ฉันช่วยอะไรไม่ได้แต่ ถ้าฉันยังอยู่พวกเธอก็จะได้เป็นนายทหารแน่นอน”