วันนี้ (29 ส.ค.) เวลา 10.40 น. ที่กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ฯ (อว.) ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เดินทางมายื่นหนังสือถึง ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) เพื่อขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายวุฒิปริญญาตรี จากกรณีของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม หรือ เจ๊นุช ผู้ต้องหาที่ทำร้ายทารุณทหารหญิงรับใช้ ยศ ส.ท.หญิง หลังมีพยานและหลักฐานภาพถ่ายแพร่สะพัดในสื่อมวลชนว่ามีการซื้อขายวุฒิลักษณะ “จ่ายครบ จบแน่” ซึ่งจากข้อมูลพบว่าคณะบดีคนหนึ่งถูกไล่ออก เพราะมีการเรียกรับผลประโยชน์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยมีตัวแทนเป็นผู้มารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ยื่นหนังสื่อที่ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ฯ ถึง รมต.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ขอให้สอบข้อเท็จจริงปมซื้อขายวุฒิ ป.ตรีของ ส.ต.ท.หญิง เจ้าตัวติดใจใครเซ็นใบแสดงผลการศึกษา แง้มชื่อ "อากู๋" ร้องขอฝ่ายการเมืองและมหาวิทยาลัย ชี้แจง พร้อมแนะสื่อตามประเด็นขอชื่อไปช่วยราชการ ชื่อไป ตัวอยู่ "กายทิพย์" เชื่อมีอีกหลายคน
ข่าวที่น่าสนใจ
ทนายไพศาล กล่าวถึงการขอให้มีการตรวจสอบกรณีกระแสข่าวการซื้อขายวุฒิการศึกษาปริญญาตรี ของ ส.ต.ท.หญิง ซึ่งมีความสงสัยในหลายๆประเด็น และอยากให้ความเป็นธรรม เพราะหากเกิดขึ้นจริงถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ต้องมีการตรวจสอบเพราะมันดูลึกลับซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกใบทรานสคริป หรือใบแสดงผลการศึกษา อยากให้มีการชี้แจงที่ละเอียด อย่างเช่น ส.ต.ท.หญิง เรียนอยู่รุ่นไหน มีเพื่อนร่วมรุ่นไหม และช่วงเวลาที่เรียนมีผลงานวิจัย วิทยานิพนธ์หรือมีรายงานอะไรไหมลักษณะการเรียนเป็นอย่างไร มีการเช็คชื่อในคลาสเรียนหรือว่าเรียนออนไลน์ ซึ่งประเด็นเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้
สำหรับกระแสข่าวที่อ้างว่าส.ต.ท.หญิง เรียนปี พ.ศ. 2558 และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2560 และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด 19 ทนายไพศาล มองว่าในช่วงเวลาดังกล่าวสถานการณ์โควิด19 ยังไม่มาถึงประเทศไทย ดังนั้นสถานที่ไปเรียนในช่วงเวลาดังกล่าวมีการเรียนออนไลน์หรือไม่ก็อยากให้มาตอบชี้แจงให้ชัดเจนตนเองอยากให้มีการตรวจสอบเชิงลึก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทางมหาวิทยาลัยที่ถูกกล่าวอ้าง เพราะตนเองไม่ได้มีการกล่าวหาใดๆ แต่อยากให้มีการตรวจสอบจริงจัง เพราะเป็นเรื่องใหญ่ หากมีการซื้อขายวุฒิการศึกษาได้จริง ระบบการศึกษาประเทศไทยจะพังทันที เพราะมีหลายคนที่ต้องไปกู้เรียนกยศ. ผู้ปกครองหลายคนต้องหาเงินเพื่อมาส่งบุตรหลานได้เล่าเรียน
นอกจากนี้ ทนายไพศาล ยังกล่าวด้วยว่ามีกระแสข่าวจากแหล่งข่าวระบุว่ารุ่นที่เรียนนี้ของส.ต.ท.หญิง เป็นรุ่นพิเศษที่ใช้ชื่อรุ่นว่า “เรียนครบจบแน่” ซึ่งตนเองยังไม่ยืนยันจากข้อเท็จจริงเพียงแต่ทราบมาจากแหล่งข่าวเท่านั้น ทำมาเพื่อเจ้าหน้าที่ในรุ่นมีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะก่อนหน้านี้ ตัวผู้เสียหายบอกว่ามีการซื้อขายวุฒิการศึกษาที่จำนวน 50,000 บาท และมีบุคคลในนามชื่อ “อากู๋” เป็นอดีตตำแหน่งใหญ่ในวงการศึกษา อ้างว่าเป็นผู้บริหารของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เป็นผู้ดำเนินการ แต่ตนเองยังไม่ขอยืนยัน ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทางมหาวิทยาลัย เพราะอาจจะเป็นค่าหน่วยกิต ตนเองอยากให้ความเป็นธรรมกับทางมหาวิทยาลัยจึงมีการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสเพราะยังคลุมเครืออยู่ เพื่อคลายความสงสัยกับสังคม
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระบุว่าชุดนักศึกษา เป็นคนละสถาบันกันกับภาพชุดรับปริญญาตรี อยากฝากไปถึงมหาวิทยาลัยดังกล่าวนี้ว่าการที่ทนายมาร้องขอให้ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสกับระบบการศึกษาและมหาวิทยาลัยเอง เป็นการติชมวิจารณ์ติเตียนโดยสุจริตและเป็นธรรม เพื่อให้สังคมรับรู้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ
ทนายไพศาล มองว่าถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก กรณี ส.ต.ท.หญิงชั้นประทวนสามารถขอนายทหารหญิงนายสิบมาเป็นคนรับใช้ โดยมีหนังสือขอช่วยราชการ ซึ่งสถานที่ทำงานคือสถานที่บ้านของส.ต.ท.หญิง ซึ่งไม่ใช่สถานที่ราชการ ถือเป็นเรื่องที่สร้างความสับสน ส.ต.ท.หญิง ประจำอยู่แผนกบัญชีแป๊บเดียว ย้ายไปสันติบาล และมีคำสั่งให้ไปช่วยข้าราชการกอ.รมนภาค 4 ส่วนหน้า มองว่า ชื่อย้ายไปแต่ตัวยังอยู่ และที่สำคัญได้ชั้นข้าราชการทวีคูณ ได้เบี้ยเลี้ยง สิทธิพิเศษอื่นๆอีกมาก ตนเองสงสารตำรวจ ทหารทางภาคใต้ที่ขาดแคลนบุคลากร ดังนั้นสื่อมวลชนควรตรวจสอบประเด็นนี้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทนายไพศาล กล่าวปิดท้ายว่า ส.ว. คนดังกล่าวที่เป็นประเด็นควรรีบออกมาชี้แจง มองด้วยว่าสตทหญิงมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาช่วยเหลือเคลียร์ทาง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง