วันที่ 15 ก.ค. 2564 ู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.20 น. (วันที่ 14 ก.ค.)ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สาโรจน์ ช่องรักษ์ สว. (สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุจาก นายสมพงศ์ ไพบูลย์ กำนัน ต.ทุ่งกระบือ ว่าพบศพชายถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต หลังบ้านเลขที่ 115 หมู่ 4 บ้านท่าบันได ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก. พ.ต.ท.สมพงษ์ ปานเหลือง รอง ผกก. (สอบสวน) กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง ที่เกิดเหตุ เป็นซอยถนนดินแดง สุดซอยเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณพื้นดินขอบบ่อน้ำทิ้งด้านหลังบ้าน ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร มีหญ้าสูงประมาณ 60 ชม. ปกคลุมรกทึบ ขอบบ่อพบร่างของนายชาติ สองเมือง หรือหมิน อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน อาชีพกรีดยางพารา มีเสื้อยืดสีครีมคลุมปิดทับศีรษะ สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต มือซ้ายห้อยลงไปในบ่อ ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 18 ชม. พบบาดแผลถูกจามด้วยขวานเข้าที่กลางกระหม่อม เป็นแผลขนาดเท่ากับขวาน จำนวน 1 แผล และที่หูขวา 1 แผล หัวไหล่ด้านซ้ายและแขนซ้ายเป็นแผลถลอก ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำร่างไปชันสูตรอย่างละเอียดต่อ ที่ รพ.ย่านตาขาว
ในขณะเดียวกัน ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปตรวจสอบ ทางนายสมพงศ์ ไพบูลย์ กำนัน ต.ทุ่งกระบือ พร้อมด้วยบรรดาญาติผู้เสียชีวิตได้ทำการเกลี่ยกล่อม นายกิตติศักดิ์ สองเมือง หรือหลิม อายุ 31 ปี อาชีพกรีดยางพารา ลูกชายผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ หลบซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่ได้เกลี่ยกล่อมเพื่อให้ออกมามอบตัว นานกว่า 1 ชม.จึงจะสำเร็จ พร้อมกันนั้นได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านไม่พบร่องรอยคราบเลือดแต่อย่างได ทั้งนี้พบของกลาง เป็นขวาน หน้ากว้าง 3.5 นิ้ว มีด้ามจับเป็นไม้ยาว ประมาณ 40 ชม. ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปสอบสวน
จากการเค้นสอบสวน นายกิติศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นยังคงให้การวกวน แต่ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าพ่อตัวเองจริง โดยลงมือก่อเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณระหว่าง 01.00-03.00 ของคืนวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะและมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง เนื่องจากตนเองขอเงินไปซื้อยาบ้า แต่ผู้เป็นพ่อไม่ให้ และในระหว่างที่พ่อเข้าห้องนอนหลับอยู่ภายในห้อง ตนจึงถือขวนเข้าไปจามเข้าศีรษะและเสียชีวิตทันที ก่อนจะลากศพออกไปจากจากบ้าน และไปทิ้งยังขอบบ่อหลังบ้าน และได้กลับมาทำความสะอาดบ้านเพื่อไม่ให้มีร่องรอยของคราบเลือด จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันนี้ 14 ก.ค. ตนจึงได้โทรไปหาพี่ชายที่อยู่ต่างจังหวัดว่าตนได้ลงมือฆ่าพ่อและนำศพไปทิ้งไว้หลังบ้าน จึงทำให้พี่ชายติดต่อมาที่ญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้กันให้ทราบเรื่อง ด้านนายศรชัย สองเมือง อายุ 37 ปี หลานผู้ตาย เล่าว่า บ้านตนเองกับบ้านผู้ตายอยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร คืนที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงพ่อกับลูกทะเลาะดังออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกวัน โดยทั้งสองทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเงียบไป โดยที่ปกติทุกเช้าผู้ตายจะมานั่งดื่มกาแฟที่บ้านตนเป็นประจำ แต่ปรากฏว่าเช้าที่ผ่านมาไม่ได้มา ก็เลยสงสัย จึงได้เดินไปที่บ้าน พบเพียงลูกชายนั่งอยู่หน้าบ้าน จึงได้สอบถามว่าผู้ตายไปไหน ลูกชายตอบว่าไม่รู้ แต่ท่าทีมีพิรุธ ตนจึงได้ออกกลับมา พร้อมกับรีบเข้าไปคุยกับญาติว่าให้ช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่พบ ต่อมาในช่วงบ่ายได้เข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวพร้อมกับบรรดาญาติ เพื่อจะเข้าไปดูภายในบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุสั่งห้ามและกีดกันไม่ให้เข้า จึงได้ออกกันตามหาอีกครั้ง จนกระทั่งพี่ชายของผู้ก่อเหตุโทรศัพท์มาแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปหาว่าลงมือฆ่าพ่อและนำศพไปทิ้ง ทำให้พบเป็นศพอยู่จุดดังกล่าว
จากการพลิกแฟ้มประวัติ พบว่าผู้ก่อเหตุเคยต้องคดีลักทรัพย์ (ปาล์มน้ำมัน) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จนถูกคุมขัง และได้รับการปล่อยตัวออกมา ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุมีประวัติเสพยาเสพติดชนิดยาบ้า น้ำต้มพืชกระท่อม และสารเสพติดชนิดอื่นๆมาเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งผู้ก่อเหตุมีอาการทางประสาทร่วมด้วย ผลพวงมาจากการใช้สารเสพติด และทำการรักษาโดยการรับประทานยาจาก รพ.ย่านตาขาวอยู่เป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้ว จนกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการตรวจปัสสาวะเพื่อยืนยันผลการใช้สารเสพติด ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น จำนวน 2 ข้อหา คือ ฆ่าบุพการีโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ ก่อนนำตัวไปคุมขังและเตรียมนำส่งฟ้องศาลในวันนี้.
ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตรัง