หลังจากที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ให้ข้อมูลกฎหมายจราจรทางบกฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 5 กันยายน นี้ ว่า มีข้อกำหนดเพิ่มโทษในหลายข้อหา เพื่อให้ประชาชนรักษากฎระเบียบวินัยจราจรให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำในข้อหาเมาแล้วขับ, เพิ่มอัตราโทษที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทาง, กำหนดความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทาง และกำหนดเรื่องการรัดเข็มขัดนิรภัย อีกทั้งยังมีขอกฎหมายบังคับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี และนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย แต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด ที่ยังต้องรอคณะกรรมการพิจารณาร่วมกันอีกครั้งหนึ่งก่อนสิ้นปีนี้
ข่าวที่น่าสนใจ
ทีมข่าว Top News ได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นประชาชน หลังจากจะมีการบังคับใช้กฎหมายจราจรที่มีอัตราโทษเพิ่มสูงขึ้นในวันที่ 5 กันยายนนี้ โดยส่วนมากประชาชนมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกับการเพิ่มอัตราโทษ และในการรัดเข็มขัดนิรภัยเพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุไม่คาดคิด ขณะที่ นายบัวสอน บุตรสอน อายุ 73 ปี ที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่ กลับมีความคิดเห็นที่ต่างออกไปในเรื่องของอัตราโทษปรับสูง เนื่องจากในสภาวะเศรษฐกิจบ้านเมืองตกต่ำ อาจจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดแล้วไม่รู้เส้นทางในเมืองกรุง แต่ในส่วนข้อบังคับใช้กฎหมายสำหรับคนในกรุงเทพฯ นั้น ตนมีความคิดเห็นชอบด้วยเป็นอย่างยิ่งเพื่อที่จะได้รถการเกิดอุบัติเหตุและเพื่อสร้างระเบียบในสังคม
สำหรับเรื่องที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนประชุมเพื่อกำหนดมาตรฐานลดอัตราภาษีของที่นั่งนิรภัย และวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่นั่งนิรภัยได้ เพื่อจัดทำประกาศเรื่องการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กให้แล้วเสร็จภายใน 4 ธันวาคม 2565 เรื่องที่นั่งนิรภัยนี้ยังไม่เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 แต่จะบังคับใช้เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำประกาศและลงประกาศให้ประชาชนทราบในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง