วันที่ 4 ก.ย. 65 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจและตรวจติดตามความพร้อมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย ปี 2565 ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ณ จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. จังหวัดปทุมธานี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดปทุมธานี และเทศบาลตำบลบางขะแยง ว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ สสน. ได้ใช้รถระบบสำรวจภูมิประเทศ (Mobile Mapping System : MMS) และระบบแสดงผลข้อมูลแผนที่ 3 มิติแบบออนไลน์ เพื่อติดตาม สำรวจ ตรวจสอบความพร้อมของแนวพนังกั้นน้ำโดยรอบบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. มีข้อห่วงใยต่อประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่คันกั้นน้ำ ที่อาจได้รับผลกระทบ หากเกิดสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งหรือน้ำทะเลหนุนสูง จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งสำรวจสภาพคันกั้นน้ำหรือคันดิน หากมีจุดใดชำรุดเสียหาย ให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งการเสริมแนวป้องกันน้ำท่วมชั่วคราวบริเวณจุดเชื่อมต่อที่ชำรุด หรือจุดที่เป็นฟันหลอ เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนด้วย
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และ สสน. พบว่า ในช่วงตั้งแต่วันนี้ถึง 8 ก.ย.นี้ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ อีกทั้งคาดการณ์ฝน One Map ช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค. ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ซึ่ง กอนช.ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยที่อาจเกิดน้ำท่วม และให้ดำเนินงานตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ที่สำคัญจะต้องวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เร่งระบายน้ำในลำน้ำและแม่น้ำ เพื่อรองรับปริมาณน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน ลดผลกระทบความรุนแรงของอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ