สืบเนื่องจากการที่ ศาลปกครองกลาง ได้แจ้งนัดอ่านคำพิพากษา วันที่ 7 กันยายน 2565 เวลา 11.00 น. ในคดีหมายเลขดำที่ 1242/2564 ระหว่าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC (ผู้ฟ้องคดี) กับ กรุงเทพมหานคร ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว)
โดยคดีดังกล่าว BTSC ได้ฟ้อง กรุงเทพมหานคร ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน กระทำผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร สัญญาเลขที่ กธ.ส.006/55 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 จากการที่ไม่ชำระค่าตอบแทนตามสัญญาให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2562 แจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองชำระค่าตอบแทนตามสัญญาแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเพิกเฉย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จำนวนเงิน 12,000 ล้านบาท จึงนำคดีมาฟ้อง
วันนี้(6 ก.ย.65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เปิดเผยถึงกรณีศาลปกครองกลาง จะมีคำพิพากษา ว่า จะต้องรอผลการตัดสินของศาลฯ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ดำเนินการมาหลายเดือน ก่อนที่ตนเองจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่ในฐานะผู้ว่าฯกทม. ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมมองว่าการที่ศาลฯมีคำพิพากษาออกมาถือเป็นเรื่องที่ดี เพื่อจะได้ทราบมีมุมมองเรื่องนี้อย่างไร และยืนยันเคารพการตัดสินของศาลฯ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
ส่วนกรณีการแก้ปัญหาในระยะยาว ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่กทม.จะคืนเรื่องการตัดสินใจโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้กระทรวงมหาดไทย หรือ รัฐบาล กลับไปพิจารณา หลังจากก่อนหน้าได้เคยมีการขอความเห็นทางกทม. เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในระดับภาครัฐ นายชัชชาติ ระบุว่า จะต้องแยกประเด็นดังกล่าวให้ดี เนื่องจากมีหลายเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น ในส่วนที่ค้างอยู่ที่รัฐบาลคือ เรื่องการขยายสัมปทาน หรือการเอาหนี้ทั้งหมดไปใช้เป็นข้อพิจาณาในการขยายสัมปทาน ซี่งในเรื่องนี้ทางด้านกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือสอบถามความคิดเห็นมายังกทม. ซึ่งกทมจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภากทม.ก่อน จะตอบกลับไปยังกระทรวงมหาดไทย ส่วนในเรื่องอื่นๆ นั้น เป็นเรื่องระหว่าง กทม.กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ KT และ KT กับ บีทีเอส ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล