“ดร.พรภวิษย์” มั่นใจผลดีผนึก TRUE-DTAC ไม่ควรขวางพัฒนาเทคโนฯแข่งขันโลก

"ดร.พรภวิษย์" มั่นใจผลดีผนึก TRUE-DTAC ไม่ควรขวางพัฒนาเทคโนฯแข่งขันโลก

จากประเด็นปัญหาที่กสทช.ยังไม่พิจารณาคำร้องขอควบรวมธุรกิจ ระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC โดยอ้างว่ายังไม่ได้รับข้อมูลที่สั่งให้คณะอนุกรรมการทั้ง 4 คณะ ประกอบด้วย 1.อนุกรรมการฯ ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิพลเมือง 2. คณะอนุกรรมการฯด้านเศรษฐศาสตร์ 3.คณะอนุกรรมการฯด้านเศรษฐศาสตร์ และ 4.คณะอนุกรรมการฯ ด้านเทคโนโลยี รวมถึงคณะที่ปรึกษา เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างครบถ้วน และกำหนดจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งในวันทื่ 14 กันยายน 2565

ล่าสุด ผศ. ดร.พรภวิษย์ บุญศรีเมือง รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ม.ราชภัฎสวนสุนันทา หนึ่งในนักวิชาการที่เข้าร่วมให้ความเห็นกับกสทช. เกี่ยวกับกระทบทางเศรษฐศาสตร์จากการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทค ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าว TOPNEWS ถึงมุมมองความเห็นเรื่องการรวมธุรกิจของ 2 บริษัท ว่า ควรจะปล่อยให้การควบรวมเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากแนวคิดรวมธุรกิจที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความต้องการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีปัจจุบันให้เป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการปรับเปลี่ยน ขณะที่ผลจากการควบรวมนั้น จะทำให้ภาคเอกชนมีโอกาสทำให้ต้นทุนต่้ำลง และมีความจำเป็นจะต้องควบรวมเพื่อเป็นทางออกของธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีปรับขึ้นราคาจากผู้ใช้บริการโทรศัพท์ เพราะจะไม่เป็นผลดีกับแข่งขันทางการตลาดแน่นอน

สำหรับประเด็นข้อกังวลเรื่องการควบรวมธุรกิจ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะตัวเลขค่าบริการ จากการที่ผู้ให้บริการมีจำนวนลดลง ผศ. ดร.พรภวิษย์ ให้ความเห็นว่า กลไกเรื่องของการควบคุมราคานั้น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีหลักการอยู่แล้ว ในการที่จะควบคุมราคาไม่ให้เกินเพดาน โดยถึงแม้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือเพียง 4 ราย แต่กสทช.มีการวางหลักเกณฑ์ราคาขั้นสูง เพื่อไม่ทำให้ค่าบริการสูงเกินไป ซึ่งเชื่อว่าวิธีการนี้ก็จะยังคงอยู่แม้การควบรวมธุรกิจจะทำให้ผู้ประกอบการจาก 4 เหลือ 3 รายก็ตาม

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนเรื่องอำนาจหน้าที่ของกสทช. ในการพิจารณาคำร้องควบรวมธุรกิจโทรศัพท์มือถือนั้น ผศ. ดร.พรภวิษย์ ระบุ ส่วนตัวมองว่า การควบรวมเป็นกลไกตลาดอย่างหนึ่ง ดังนั้นการขัดขวางกลไกตลาด จึงเหมือนเป็นการปิดกั้นการแข่งขันรูปแบบหนึ่ง

และในอีกมุมหนึ่ง ถ้าการควบรวมทำให้จากผู้ประกอบการ 4 เหลือ 3 ราย แล้วอ้างว่า การแข่งขันจะน้อยลง ส่วนตัวเห็นว่าการเอาจำนวนส่วนแบ่งตลาดมาคำนวณ เป็นเรื่องที่จินตนาการหรือคิดเอาเองล่วงหน้า เพราะถ้าคิดกลับกัน ในกรณีถ้าไม่ให้ควบรวม แล้วมีรายหนึ่งรายใดเจ๊งไป สุดท้ายก็จะเหลือผู้ประกอบการจาก 4 รายเป็น 3 รายเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ กรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การควบรวมเป็นการผูกขาด ทำให้การแข่งขันไม่กระจายตัว ผศ. ดร.พรภวิษย์ ระบุว่า การควบรวมแล้วทำให้เกิดการผูกขาด คือ การมองมิติเดียว เพราะถ้ามองอีกมิติหนึ่ง ต้องถามว่าทำไมภาครัฐไม่ทำสภาพแวดล้อมให้มีรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้มากกว่านี้ ทำไมถึงมีสภาพแวดล้อมทำให้บริษัทธุรกิจต้องพิจารณาถึงแผนการควบรวมกันเพื่อความอยู่รอด

รวมถึงมองว่า การจะผูกขาด หรือไม่ผูกขาดของธุรกิจ จริงๆ แล้วอยู่ที่ผู้กำกับดูแล คือ กสทช. นั่นเอง และเชื่อว่าที่ผ่านมา กสทช ทำหน้าที่ได้ดีในการกำกับดูแลส่งเสริมการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมที่ไม่ทำให้ธุรกิจการสื่อสารเกิดการผูกขาด

เช่นเดียวกับข้อกังวลว่า เมื่อควบรวมแล้ว ราคาค่าให้บริการจะสูงขึ้น จนกระทบผู้บริโภค หรือ ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ ผศ.ดร.พรภวิษย์ ยืนยันว่า ข้อกังวลดังกล่าวไม่จริง เพราะกสทช. มีมาตรการในการกำกับดูแล โดยหนึ่งในมาตรการ คือการกำหนดเพดานราคาขั้นสูง ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถเรียกเก็บได้ และการกำหนดเพดานขั้นสูงนั้น กสทช.ก็คำนวนมาจากเหตุและผล บนพื้นฐานที่ว่าผู้ประกอบการอยู่ได้ ผู้ใช้บริการจ่ายในราคาที่เหมาะสม และไม่แพงจนเกินไป

ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.พรภวิษย์ ยังชี้ให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของตลาดการแข่งขันทุกวันนี้ ว่า สินค้าทุกอย่างปรับขึ้นราคา แต่ทำไมวันนี้กิจการโทรคมนาคมเราต้องกดมันไว้ ในเมื่อค่าแรงบุคลากรในการทำงาน เงินเดือนพนักงาน ค่าไฟฟ้าที่ Network ต้องใช้ทุกอย่างขึ้นหมด และในกิจการโทรคมนาคมก็ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก อย่าง Base Station หรือสถานีฐาน เป็นต้น เพราะฉะนั้น ความกังวลในเรื่องของค่าบริการที่สูงขึ้น จะต้องพิจารณาถึงเหตุและผลที่เป็นจริง ซึ่งเหตุและผลตัวนี้ ก็คือการกำกับดูแลของกสทช. เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม ซึ่งกสทช.ยืนอยู่ข้างผู้บริโภคและผู้ประกอบการอย่างเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว

 

“วันนี้กสทช มีหน้าที่กำกับดูแลส่งเสริมการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม ถ้าผู้ประกอบการทำผิดไปจากประกาศของกสทช. กสทช. ก็สามารถดำเนินการได้ กสทช. สามารถดำเนินการประกาศใหม่ ถ้าผู้ประกอบการทำผิดจากประกาศ กสทช. สามารถทำหนังสือแจ้งให้ปรับปรุง ถ้าไม่ปรับปรุงสามารถถอดถอนใบอนุญาตได้ กสทช.ออกกฎระเบียบได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว”

สุดท้าย ผศ.ดร.พรภวิษย์ มองว่า การควบรวมกิจการ TRUE -DTAC จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในระยะยาว และธุรกิจโทรคมนาคมของไทย โดยหากมีการควบรวมธุรกิจเกิดขึ้น จะสร้างความเข้มแข็งด้านเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการ และสามารถมีเงินทุนในการทำเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ โดยภาครัฐหรือกสทช.ในฐานะผู้กำกับ และ ควบคุม ไม่จำเป็นต้องขัดขวาง แต่ควรสนับสนุนภายใต้หลักการที่้เป็นธรรม ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียโอกาส จากการแข่งขันด้านนวัตกรรมการสื่อสาร

“ผมว่าตรงนี้ มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ลดต้นทุนที่จะสร้างนวัตกรรมได้ เพื่อที่จะไปแข่งได้”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เจอตัวแล้ว ผู้ต้องสงสัยโพสต์ขู่กราดยิงห้างขอนแก่น คุมสอบปากคำเข้ม เจ้าตัวยังปฏิเสธข้อกล่าวหา
สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วัดหนองบอนนับ 100 ราย ยื่นหนังสือร้องผู้ว่าฯตราด
พุทธศาสนิกชนชาวอยุธยา สืบสานประเพณีตักบาตรเทโว วัดใหญ่ชัยมงคล
การรถไฟฯ ชวนร่วมเดินทางขบวนรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ เที่ยวชมกรุงเก่า “อยุธยา” เนื่องในวันปิยมหาราช เริ่มจำหน่ายตั๋วพร้อมกันทั่วประเทศ 19 ต.ค. 67 นี้
ประมงสงขลา ประมงจันทบุรี และประมงเพชรบุรี พบปลาหมอคางดำแหล่งน้ำธรรมชาติหนาแน่นลดลง เดินหน้าเฝ้าระวังและกำจัดต่อเนื่อง เน้นขอความร่วมมือช่วยจัดการในบ่อร้าง
"บิ๊กเต่า" เผยเช็กมือถือ "บอสพอล" พบคลิปรีดไถ "นักร้อง-นักการเมือง" เพียบ จ่อเรียกสอบปากคำ
“ภูมิ​ธรรม​-​อนุทิน”​ ประสานเสียง ไม่หวั่น​กกต. รับคำร้อง​ยุบเพื่อไทย​ปม​ 6 พรรคร่วม ให้“ทักษิณ”ครอบงำ
เปิดตัวสุดปัง! Chester’s Flagship Store @Siam ชูคอนเซ็ปต์ 'Good Food Good Mood' เพิ่มสีสันให้แลนด์มาร์กคนรุ่นใหม่
รอลุ้น “ธีรภัทร” เผยพร้อมย้ายช้าง “พลายดอกแก้ว” พรุ่งนี้ หลังผลตรวจเลือดออก
"ชูศักดิ์" ไม่หวั่น​ หลังมีข่าว​กกต.​รับคำร้องคดียุบเพื่อไทย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น