“Favipiravir” ไทยไม่ควรใช้ยารักษาผู้ป่วย โควิด-19 อีกต่อไป

"Favipiravir" ผลวิจัยล่าสุด ไม่ควรนำยามาใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ต่อไปนี้ ไทยควรเลิกผลิต นำเข้า ไม่ส่งฟาวิพิราเวียร์ให้ร้านขายยาและโรงพยาบาลอีกต่อไป

“Favipiravir” TOP News เกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ล่าสุด ผลวิจัย ยาฟาวิพิราเวียร์ ไม่แตกต่างจากยาหลอก ไม่ช่วยลดความรุนแรง หรือทำให้อาการของโรคดีขึ้น หมอมนูญ นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ระบุ ถึงเวลาที่ประเทศไทยควรหยุดใช้ เลิกผลิต นำเข้า และไม่ควรส่งให้ร้านขายยาและโรงพยาบาลอีกต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

 

หมอมนูญ เผย เราทราบจากสื่อต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ผลการศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมเปรียบเทียบ ยาฟาวิพิราเวียร์ กับ ยาหลอก ที่ทำในประเทศสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และ บราซิล สร้างความผิดหวังให้กับบริษัทยาของญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ยาตัวนี้ (ดูรูป) และในที่สุดผลงานวิจัยนี้เพิ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร Clinical Infectious Diseases เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 (ดูรูป)

 

 

 

 

Favipiravir, โควิด-19, COVID-19, ยาฟาวิพิราเวียร์, ฟาวิพิราเวียร์, หมอมนูญ, ยาโมลนูพิราเวียร์, แพ็กซ์โลวิด, โมลนูพิราเวียร์

 

 

 

 

Favipiravir, โควิด-19, COVID-19, ยาฟาวิพิราเวียร์, ฟาวิพิราเวียร์, หมอมนูญ, ยาโมลนูพิราเวียร์, แพ็กซ์โลวิด, โมลนูพิราเวียร์

 

 

 

 

การศึกษาทำในช่วงพฤศจิกายน 2563 – ตุลาคม 2564 เป็นการศึกษาขนาดใหญ่ในคนติดเชื้อไวรัสโควิด 1,187 ราย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป (ชาวอเมริกัน 963 คน เม็กซิกัน 163 คน บราซิล 65 คน) โดยให้ยาภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการ ให้ยาทั้งหมด 10 วัน 599 คน รับ ยาฟาวิพิราเวียร์ 588 คน รับ ยาหลอก

 

ผลการศึกษา พบว่า ยาฟาวิพืราเวียร์ ไม่แตกต่างจาก ยาหลอก ไม่ช่วยทำให้อาการของโรคโควิดดีขึ้น ไม่ลดความรุนแรงของโรค ไม่ลดการป่วยหนักเข้านอนในโรงพยาบาล ไม่ลดจำนวนไวรัสในร่างกาย แต่คนที่กิน ยาฟาวิพิราเวียร์ มีกรดยูริกสูงขึ้นถึง 19.9% เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก 2.8%

 

ในการศึกษานี้พูดถึงประเทศที่ยังใช้ ยาฟาวิพิราเวียร์ มีประเทศรัสเซีย อินโดนีเซีย ดูไบ และ ประเทศไทย รวมอยู่ด้วย

 

 

 

 

 

Favipiravir, โควิด-19, COVID-19, ยาฟาวิพิราเวียร์, ฟาวิพิราเวียร์, หมอมนูญ, ยาโมลนูพิราเวียร์, แพ็กซ์โลวิด, โมลนูพิราเวียร์

 

 

 

บทสรุปของการศึกษานี้ ไม่ควรนำ ยาฟาวิพิราเวียร์ มาใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ถึงเวลาที่ประเทศไทยควรหยุดใช้ ยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาโรคโควิด-19

 

“ยาโมลนูพิราเวียร์ ปัจจุบันราคาไม่แพงกว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ ประเทศเพื่อนบ้านของเราเลิกใช้ ยาฟาวิพิราเวียร์ นานแล้ว และเข้าถึง ยาโมลนูพิราเวียร์ และ แพ็กซ์โลวิด ซึ่งมีหลักฐานพิสูจน์ลดความรุนแรงของโรค ลดการเข้านอนในโรงพยาบาล”

 

องค์การเภสัชกรรมควรเลิกผลิต นำเข้า “Favipiravir” และไม่ควรส่ง ยาฟาวิพิราเวียร์ ให้ร้านขายยาและโรงพยาบาลอีกต่อไป

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า
มัสก์จี้ข้าราชการอเมริกันเขียนรายงานวันๆทำอะไรบ้าง
ผู้ปกครองพา "ด.ช.วัย 13" ร้องสายไหมต้องรอด ถูกสาวสอง สร้างไอจีปลอม ลวงทำอนาจาร
"ทักษิณ" เอ่ยขออภัยเหตุการณ์ "ตากใบ" ปี 47 ลั่นไม่ตกใจ เหตุบึ้มรถในสนามบินนราฯ รับลงชายแดนใต้
“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี
คึกคักสุดๆ แห่เที่ยวตามรอย "ลิซ่า" ในซีรีส์ The White Lotus 3 ทำยอดจองโรงแรมเกาะสมุยพุ่ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น