สั่งฟ้องแล้ว 3 จำเลย ฆ่า 2 ผัวเมียไทย ซุกรถเก๋งหรู ที่ไต้หวัน

อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง 3 จำเลย ฆ่า 2 ผัวเมียคนไทย ซุกรถเก๋งหรู ที่ไต้หวัน

วันที่ 9 ก.ย. 65 นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายกฤษณ์ ภู่ประดิยุทธกุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด และนายวีรเดชน์ ไตรทศาวิทย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานต่างประเทศ เจ้าของสำนวน ฆ่าสองผัวเมียชาวไทย หมกศพในรถเก๋งหรู ในไต้หวัน ร่วมแถลงชี้แจง กรณี นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้อง นายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องหาที่ 1 นายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง ผู้ต้องหาที่ 2 และนายสามารถ แซ่หลี ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 (4), 83 ประกอบพ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 มาตรา 4, 6, 41

โดยน.ส.รัตนา เล็กสมบูรณ์ไชย อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลอาญาแล้วในวันนี้

สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 65 เวลาประมาณ 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นไต้หวัน) เจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบชายและหญิงเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถของสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน ชานกรุงไทเป จึงเข้าตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตคือนายประเสริฐ โนราษ และ น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ สองสามีภรรยาชาวไทย มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะทั้งคู่ และน.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ด้วย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากการสืบสวนสอบสวนเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสามได้ร่วมกันก่อเหตุภายในสถานที่ทำงานของผู้ต้องหา แล้วเคลื่อนย้ายศพทั้งสองใส่รถยนต์นำไปจอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสามจึงหลบหนีกลับไทย ต่อมาทางการไต้หวันจึงขอความร่วมมือระหว่างประเทศในการสอบสวนคดีมายังสำนักงานอัยการสูงสุด และบิดาของผู้เสียชีวิตทั้งสองได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสามตามกฎหมายไทยกระทั่งมีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามได้ในไทย และเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดตามกฎหมายไทยได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 นายสิงห์ชัย จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน และพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ ร่วมสอบสวนผู้ต้องหา

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้ร่วมกัน ประชุมตรวจพยานหลักฐานและวางรูปคดี ซึ่งรวมถึงการประชุมสรุปคดีเพื่อทำความเห็นทางคดีขั้นสุดท้าย เนื่องจากเหตุในคดีนี้เกิดขึ้นที่ไต้หวัน พยานหลักฐานสำคัญในคดีทั้งหมดอยู่ที่ไต้หวัน สำนักงานอัยการสูงสุด โดยสำนักงานต่างประเทศ จึงประสานขอความช่วยเหลือจากทางการไต้หวันในการรวบรวมพยานหลักฐานตามหลักความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา และพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการบางส่วนได้เดินทางไปไต้หวัน เพื่อขอตรวจสอบสถานที่ก่อเหตุ สถานที่ทิ้งทำลายพยานหลักฐาน และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งรับมอบพยานหลักฐานในคดีนี้จากทางการไต้หวัน

 

สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศในครั้งนี้ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และทางการไต้หวันได้ส่งมอบพยานหลักฐานที่สำคัญทั้งหมดให้แก่พนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนไทย จนทำให้การพิจารณาสั่งคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามในคดีนี้ตามข้อหาดังกล่าว

ซึ่งความสำเร็จของร่วมมือระหว่างประเทศในการรวบรวมพยานหลักฐานคดีนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานอัยการเมืองเถาหยวน สำนักงานอัยการสูงสุดไต้หวัน กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน และสำนักงานการสอบสวนไต้หวัน (Criminal Investigation Bureau)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น