‘อรรถวิชช์’ ยื่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เร่งตรวจสอบงบกรุงเทพฯ

“แต่ ส.ก. นำมาแปรญัตติในโครงการที่ไม่เคยมีมาก่อน ความต้องการของตน ต้องการให้ นายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้ว่าฯกรุงเทพ มีงบกลางในการดูแลงบประมาณแก้วิกฤตกรุงเทพฯ โดยตรง ไม่อยากให้ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำมากับงบสัมนาเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งงบแต่ละเขตมีน้อยมากกว่าที่จะแก้ปัญหาในแต่ละเขตได้”

ส่วนความผิดปกติที่พบ คือ ก่อนหน้านี้ ปี 2557 ไม่มีการแปรญัตติงบสัมนา เอกสารที่ตนได้มาทั้งหมดข้าราชการกรุงเทพมหานคร ส่งมาให้ เพราะไม่ต้องการอนุมัติอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน โครงการพวกนี้อยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และจะมีงบประมาณ ปี 66 ในช่วงเดือนตุลาคม ตนจึงต้องการให้ สตง. เร่งตรวจสอบให้ เรื่องนี้จะเป็นผลดีต่อ ผู้ว่าฯชัชชาติ โดยตรง ที่จะมีงบกลางในการแก้วิกฤตกรุงเทพฯ

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงงบต่างๆ ที่ยัดไส้อยู่ในงบฯ กทม. ปี 66 อีกว่า ตนพยายามโฟกัสในงบสัมมนา ซึ่งมีรายละเอียดเยอะ แม้กระทั่งงบครุภัณฑ์ที่มีความแปลกประหลาด มีราคาที่สูงผิดปกติ หลอดพลังงานแสงอาทิตย์ โต๊ะ เก้าอี้ ตนไม่สามารถพูดได้มากกว่านี้จึงอยากจะขอให้ สตง. ตรวจสอบ และคาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการกรุงเทพมานคร ให้ดูรายงานการประชุมต่างๆ ที่มีการพูดคุยกันในเรื่องของงบประมาณ

เมื่อถามว่า ตั้งแต่กลับมามี ส.ก. มียัดไส้งบประมาณอื่นๆ มากกว่าเดิมหรือไม่ นายอรรถวิชช์ ระบุว่า ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ ปี 60 สภาผู้แทนราษฎร ตัดงบประมาณไปใส่ในงบกลาง เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสามารถมานำมาช่วยวิกฤตฉุกเฉินในประเทศ แต่ในกรุงเทพมานคร ยังคงใช้งบประมาณอย่างนี้ โดยเอาลงมาหารเฉลี่ยและกระจายไปประจำเขต ผู้ว่าฯ จะไม่มีงบแก้วิกฤต และไม่สามารถบ่นได้ การบริหารงบกรุงเทพฯ แบบนี้จะไม่สามารถทำงานได้ จึงต้องนำมาเข้างบกลาง ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าหาก สตง. แนะนำแล้วไม่ทำตาม ก็ต้องส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

“อีกทั้งอำนาจของ ส.ก. มีเพียงตัดงบประมาณเท่านั้น แต่ถ้ามีการทำเอกสารเพื่อขอและควบคุมงบฯ เองแบบนี้ จะเป็นการแทรกแซงอำนาจการตั้งงบประมาณของฝ่ายบริหาร ตนยืนยันว่า อยากเห็นรูปแบบของกรุงเทพฯ ในการบริหารเงิน ถ้าหากนำเข้างบกลางได้ ไม่เอามาเป็นเบี้ยหัวแตก เชื่อว่าวิกฤติต่างๆ เราจะรับมือได้ เรามีงบมากพอ”