วันที่ 14 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมายังจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีเปิด และบรรยายพิเศษในหัวข้อ อสม. หมอคนที่ 1 ที่พึ่งชุมชน คนรักษ์สุขภาพ ในการประชุมวิชาการ การเสริมสร้างศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขตสุขภาพที่ 7 และ 8
โดยในช่วงเช้านายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้วรองประธานสภาผู้แทนราษฎร สส.นครพนม ได้พากลุ่มผู้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทยอาทิ เช่นว่าที่ผู้สมัคร สส.คือ นายแพทย์อลงกต มณีกาศ นายชูกัน กุลวงศา พร้อมด้วยนางสาวศุภพาณี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยบรรดาแฟนคลับผู้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ร่วมให้การต้อนรับที่สนามบินอย่างเนืองแน่นจังหวัดนครพนมเมื่อเดินทางมาถึงกลุ่มแฟนคลับก็ได้ร่วมกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับนายอนุทิน ชาญวีระกูล ย้อนหลังซึ่งนายอนุทิน เกิดในวันที่ 13 กันยายน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น หลังจากนั้นนายอนุทิน ได้เดินทางไปที่หอประชุมศรีโคตรบูรณ์ มหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมทางวิชาการ หัวข้อ อสม. หมอคนที่ 1 ที่พึ่งชุมชน คนรักษ์สุขภาพและเมื่อเดินทางมาถึงคณะผู้จัดงาน ก็จัดให้มีการเป่าเค้กวันเกิดย้อนหลังให้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมงานประกอบด้วย นายชาธีป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย หัวหน้ากลุ่มงาน เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานการสาธารณสุขมูลฐานและระบบบริการปฐมภูมิ ผู้รับผิดชอบงานสุขภาพภาคประชาชน คณะกรรมการชมรม อสม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประธานชมรม อสม. ระดับจังหวัด อำเภอ แกนนำองค์กร อสม. และ อสม. ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 และ 8 รวมประมาณ 1,000 คน
นายอนุทิน ชาญวีระกูล เปิดเผยว่าประเด็นการขึ้นค่าตอบแทนของ อสม.เป็นเดือนละ 2 พันบาทนั้น เป็นภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขที่ตั้งใจนำเสนอให้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปลายของรัฐบาลเราจึงพยายามที่จะให้มีนโยบายเอาไว้ก่อน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองแต่เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขมีความเห็นว่าที่ผ่านมาพี่น้อง อสม.ได้ทุ่มเทเสียสละทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยเกิดความเข้มแข็ง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นานาชาติ จึงอยากให้บรรดาอาสาสมัครเหล่านี้ได้มีรายได้เสริมขึ้นมาเพื่อตอบแทนคุณงามความดีให้แก่พวกเขาสิ่งที่นำเสนอคือ เพิ่มเงินค่าตอบแทนเป็น 2,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากการที่ อสม.ได้ทุ่มเทที่ทำงานเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ดูแลประชาชนลง ถ้าเขามีสุขภาพดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของยารักษาโรค ให้ อสม.เป็นหมอคนที่ 1 คือ การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาล อสม.ดูแลการเจ็บป่วยพื้นฐาน แบบขั้นต้น ดูแลชาวบ้านได้ เอาเงินเหล่านี้มาตอบแทน อสม. ไม่ได้ใช้งบประมาณ เพิ่มเติมแต่อย่างใด ทำให้ความแออัดในโรงพยาบาลต่าง ๆ ลดน้อยลง ดังนั้นจึงต้องสร้างขวัญและกำลังใจให้กับ อสม.ทั่วประเทศ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจบุคลากรทางด้านสาธารณสุขให้สามารถขับเคลื่อนงานไปได้
สำหรับการประชุมวิชาการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม )ให้มีศักยภาพ เป็นกลไกสนับสนุนการจัดการสุขภาพชุมชนเพื่อการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ เป็นแกนนำด้านสุขภาพ เป็นต้นแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในชุมชน และรวบรวม องค์ความรู้การสร้างสุขภาพในชุมชน
ซึ่งปัจจุบันมี อสม.จำนวนกว่า 1,050,000 คน ที่กระจายอยู่ทุกหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ ต่อมาได้ยกระดับ อสม.ให้เป็น อสม.หมอประจำบ้านหมู่บ้านละ 1 คน เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนแบบใกล้บ้าน โดยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงอาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) อย่างน้อย 7 คน ดูแลผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยจะให้ อสม. 1 คน ดูแล 15 ครัวเรือน เชื่อมต่อการทำงานกับหมอคนที่ 2 คือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ หมอคนที่ 3 คือหมอเวชศาสตร์ครอบครัว ดูแลผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่นกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กลุ่มผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง กลุ่มผู้ป่วยไตเรื้อรัง เป็นต้น.
ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล-ภัทรพล ปีติชารัชต์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดนครพนม