คาดวัคซีนโควิด mRNA ฝีมือคนไทยใช้ภายในปี 2567

คาดวัคซีนโควิด mRNA ฝีมือคนไทยทดลองแล้วเสร็จ 2566 และขึ้นทะเบียนนำออกใช้ภายในปี 2567 ด้านวัคซีนเชื้อตายความร่วมมือ อภ.-สถาบัน PATH สหรัฐฯ ขึ้นทะเบียนภายในปีหน้า

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเป็นโครงการที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบกลางปี 2563 เพื่อดำเนินการใน 3 กิจกรรมวงเงินรวม 995.03 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าทั้ง 3 กิจกรรมประกอบด้วย 1) งานด้านการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนชนิด Viral vector เพื่อทดสอบกระบวนการผลิตวัคซีนกลุ่ม Adenovirus ตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการระดับโรงงานต้นแบบจนถึงระดับอุตสาหกรรมและรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐาน งบประมาณดำเนินการ 596.24 ล้านบาท ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

2) การพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำในประเทศไทยชนิด mRNA มีงบประมาณดำเนินการ 365 ล้านบาท มีการพัฒนาวัคซีน 2 รุ่น ประกอบด้วย วัคซีนรุ่นที่1 (1st Gen ChulaCoV -19, Wild-type) จะใช้เวลาเกินกว่าแผนเดิมที่มีกำหนดเสร็จสิ้นเดือนก.ย. 65 ประมาณ 4-6 เดือน เนื่องจากมีการปรับกระบวนการผลิต ทำให้ต้องทดสอบเรื่องความปลอดภัยและความเป็นพิษในสัตว์ทดลองและในอาสาสมัครเพิ่มเติมเพื่อเทียบเคียงวัคซีนที่ผลิตในต่างประเทศ วัคซีนรุ่นที่ 2 (2nd Gen ChulaCoV-19;New variants) ที่ตอบสนองต่อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนโดยศึกษาในสัตว์ทดลอง จะดำเนินการจนถึง พ.ค. 2566

3) การเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านสัตว์ทดลอง งบประมาณที่ได้รับ 33.79 ล้านบาท เพื่อพัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบวัคซีนและยาในสัตว์ไพรเมท คาดว่าจะนำมาติดตั้งได้ในเดือนก.ย. 2565 นี้ และสามารถรับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพระดับที่ 3 ได้ในเดือนต.ค.65 และสามารถทดลองใช้งานได้ระหว่างเดือนพ.ย.65 – ม.ค.66

 

ข่าวที่น่าสนใจ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนโควิด19 ชนิด mRNA ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและพัฒนาวัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2566 จะเป็นการวิจัยคลินิกระยะที่3 หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนรับการอนุมัติขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และนำออกใช้ ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษาฯ(อว.) ได้รายงานว่าจะมีการอนุมัติภายในปี 2567

สำหรับวัคซีน Baiya SARS-CoV2-Vax (ผลิตจากโปรตีนใบยาสูบ) ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยคนไทยทั้งหมดคือระหว่างบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวง อว. ได้รายงานว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับสูตรเพื่อทดสอบทางคลินิกในระยะที่2 จะศึกษาวิจัยในระยะที่ 3 ในต้นปี 2566 ก่อนจะขึ้นทะเบียนภายในปี 2567 เช่นเดียวกัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ด้านโครงการที่ร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ คือการพัฒนาวัคซีนโควิด19 ชนิดเชื้อตาย NDV-HXP-S ซึ่งองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมกับสถาบัน PATH สหรัฐฯ ดำเนินการวิจัยทางคลินิกระยะที่2 ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา และจะเริ่มระยะที่3 ในปลายปี 2565 นี้ และขึ้นทะเบียนภายในปี 2566

 

นอกจากนี้กระทรวง อว. รายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าของวัคซีนชนิดหยอดจมูก (Ad-5 Wuhan) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ว่าได้มีการทดสอบพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิได้ดี ปลอดภัยในสัตว์ทดลอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิตวัคซีนในโรงงานต้นแบบ จะมีการพัฒนาต่อเนื่องสำหรับรองรับโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ในอนาคต

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น