อย่างที่รู้ว่าตอนนี้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว แม้ยังไม่รู้ว่าวัน ว. เวลา น. ในการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ไฟล์บังคับต้องเกิดขึ้นก่อน 23 มี.ค.2566 ที่จะครบเวลาการทำหน้าที่ 4 ปีของสภาผู้แทนราษฎร ยังไงเสียก็ต้องมีการเลือกตั้งในเวลาอันใกล้แน่ๆ ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จะได้ไปต่อหรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีตีความวาระ 8 ปี ในวันที่ 30 ก.ย.2565 เวลาบ่ายสามโมงเย็น หากพล.อ.ประยุทธ์โชคดีได้ไปต่อเชื่อว่าหนทางไปสู่การเลือกตั้งก็น่าจะเร็วขึ้น เพราะดูทรงแล้วยังไงบิ๊กตู่ก็คงไม่ลากยาวการทำหน้าที่จบครบเทอมใน 23 มี.ค.ปีหน้า หากเป็นแบบนั้นบรรดาส.ส.ที่ต้องการย้ายพรรคจะติดเดดล็อค เพราะกฎหมายกำหนดว่าต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอย่างน้อย 90 วันก่อนการเลือกตั้ง
แต่หากใช้ออปชั่น “ยุบสภา” เงื่อนไขสังกัดพรรคการเมืองดังกล่าวจะลดลงมาเหลือแค่ 30 วันเท่านั้น เชื่อแน่ว่าพล.อ.ประยุทธ์คงเลือกที่จะยุบสภาก่อนครบเทอม และแนวโน้มหากเกิดขึ้นจริงก็น่าจะหลังประชุมเอเปคเสร็จสิ้นคือหลัง 18-19 พ.ย. แนวโน้มยุบสภาหากไม่เป็นเดือนธ.ค.ก็จะเป็นม.ค.ส่วนเลือกตั้งก็คงอยู่ราวๆเดือนก.พ.หรือต้นมี.ค.2566 ยกเว้นพล.อ.ประยุทธ์ดวงแตกไม่ได้ไปต่อ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุติการทำหน้าที่นายกฯเพราะครบ 8 ปี อันนี้มีโอกาสที่การเลือกตั้งจะเกิดเร็วแต่ความเป็นไปได้ก็น้อยและยากเต็มที เพราะฉะนั้นดูทรงตามนี้คงเหลือเวลาเลือกตั้งแค่ 6 เดือนเศษเท่านั้น เรียกว่าใกล้เข้ามาทุกที
ไม่แปลกที่พรรคการเมืองต่างๆเริ่มขยับจัดทรงแต่งตัวกันอุตลุต พรรคเพื่อไทยเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยทำกิจกรรมมา 10 เดือน อนาคตก็คงตั้งเป็นแคนดิเดตนายกฯเบอร์ 1 ของพรรคแน่นอนเพราะเป็นลูกสาวนายห้างเป็นหัวแก้วหัวแหวนทักษิณนายใหญ่นักโทษหนีคดี ฝ่าย “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ 4 สมัย ก็ตกปากรับคำพรรคสร้างอนาคตไทยลงมาเป็นประธานพรรคเตรียมแต่งตัวชิงนายกฯเช่นกัน ด้าน “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ขยับจากหิ้งในตำแหน่งประธานพรรคไทยสร้างไทยลงมากินตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน เตรียมตัวขึ้นเวทีชิงเก้าอี้นายกฯเต็มตัวแล้ว เห็นได้ชัดว่าพรรคใหญ่ๆ ขยัยกันเป็นทิวแถวเพราะการเลือกตั้งเที่ยวนี้ไม่แน่นอนอาจมาเร็วได้กว่าที่คาด เพราะฉะนั้นใครขยับก่อนใครออกตัวไวคนนั้นก็ได้เปรียบ
ล่าสุดเห็นปรากฎการณ์ฟาดฟันกันของ 2 พรรคใหญ่ร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่งัดกันหนักข้อทั้งในเรื่องร่างพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กับ ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง… ที่ต้องบอกว่ากฎหมายทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญที่พรรคภูมิใจไทยหมายมั่นปั้นมือว่าจะใช้เป็นนโยบายเด็ดในการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้า ไม่แปลก 2 เรื่องนี้พรรคเสี่ยหนูพยายามจะผลักดันให้สำเร็จให้จงได้ เพราะหวังเอาไปใช้หาเสียงกับชาวบ้านชูเป็นนโยบายที่จะไปกวาดเสียงจากประชาชน โดยเฉพาะงานนี้ทางพรรคภูมิใจไทยเล่นให้จ่ายแค่เงินต้นที่กู้ยืมไป ดอกเบี้ยไม่มี ค่าปรับล่าช้าเบี้ยวหนี้ไม่ต้อง คนค้ำประกันก็ไม่ต้องเอา ออกแคมเปญมาแบบนี้ใครจะไม่ชอบ บรรดานิสิตนักศึกษาก็ยิ้มร่า เพราะโดนใจสุดๆ แล้วรู้ไหมคนกลุ่มนี้มีเท่าไหร่ จากข้อมูลล่าสุดของแบงค์ชาติในปี 2564 มีประชาชนที่อยู่ระหว่างเป็นหนี้กยศ.มากถึง 3.6 ล้านคน พบว่าในจำนวนนี้มีถึง 2.3 ล้านคนที่ผิดนัดชำระหนี้ ถามว่าถ้าพรรคเสี่ยหนูดันนโยบายนี้ออกมาสำเร็จ รับรองเอาไปเคลมเป็นผลงานได้แบบกระฉูด คะแนนนิยมจากกลุ่มนี้จะเตลิดเปิดเปิง ติดหนี้ 3.6 ล้านคน เบี้ยวหนี้ 2.3 ล้านราย ถามว่ากลุ่มนี้จะไปไหนเสีย ถ้าเรื่องนี้ออกมาจริงมีหวังเฮโลเลือกพรรคเสี่ยหนูกันบานตะเกียง
ไม่แปลกที่เรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นเถียงกันอุตลุตในการประชุมครม.อังคาร 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงขนาด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรักษาราชการแทนนายกฯ ต้องลงมาเคลียร์ด้วยตัวเองหาทางรอมชอมเรื่องนี้ให้ผ่านไปด้วยดี ไม่งั้นรัฐบาลแตกกันเละแน่ เพราะพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้พรรคภูมิใจไทยไปง่ายๆ ฉากหน้าก็อ้างเรื่องการบริหารงบประมาณของกยศ.ที่หากเอาตามพรรคเสี่ยหนูว่า มีหวังโครงการเละตุ้มเป๊ะไปหมด การสร้างวินัยผิดๆให้กับลูกหนี้ ทำให้การจัดงบประมาณมีปัญหา ล่าสุดแม้กฎหมายเรื่องนี้จะผ่านการพิจารณาไปแล้ว แบบผ่านฉลุยด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 314 คะแนน แต่ก็เห็นแววการขบเหลี่ยมกันชัดเจนระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ยกแรกพรรคภูมิใจไทยชนะไปก่อนแต่ล่าสุดฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ก็ถอนแค้นในการเสนอถอนร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ออกจากสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดนคนเสนอให้ถอนก็เป็น “เสี่ยตาล” สาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ งานนี้แลกกันคนละหมัดแต่พรรคภูมิใจไทยดูเสียหายหนักกว่าเพราะพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่จะเอามาใช้เป็นกฎหมายจัดการพวกเอาใบเขียวไปใช้ในทางที่ผิดถูกสกัด งานนี้นโยบายกัญชาของพรรคเสี่ยหนูก็เลยสะดุดไปเต็มๆ
เห็นสัญญาณงัดข้อกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่แกนนำรัฐบาลแบบนี้ ก็ชัดเจนว่าการเลือกตั้งกำลังคืบคลานเข้ามาในเวลาอันใกล้แน่ๆ แต่เห็นแกนนำ 2 พรรคอัดกันหนักอย่าคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงๆ ความจริงอย่างที่รู้ๆ พรรคสีฟ้ากับพรรคใบเขียวมีสัญญาใจจับมือเป็นพันธมิตรกันนานแล้ว อนุทิน ศักดิ์สยาม กับ คนใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์อย่าง “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เจ้าพ่อ 3 อ่าวแดนประจวบ เข้าถึงกันอยู่ เรื่องนโยบายพรรคทั้งกยศ. ทั้งกัญชา ก็ต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า หน้างาน จะปล่อยให้คู่แข่งออกนโยบายตีกินไปเรื่อยๆ เคลมผลงานไปหมดแบบคนเดียว คงไม่ได้เลือกตั้งกำลังมาถึง ต่อให้ในใจจะปักธงยุทธสาตร์ต้านฝ่ายทักษิณประกาศจับมือกันเป็นรัฐบาลตั้งแต่ไก่โห่ชนิดอยู่ในมุ้งกันแล้ว แต่เบื้องหน้าจะปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยตีกินทุกนโยบาย ขายฝันกวาดคะแนนเสียงทุกเรื่องไปง่ายๆก็กะไรอยู่ อย่าลืมว่าเที่ยวนี้พรรคเสี่ยหนูสยายปีกไปทางใต้อย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากจะมีฐานที่มั่นฝั่งอันดามัน ภูเก็ต พังงา กระบี่ แล้ว ยังรุกคืบไปยังจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ทางภาคใต้อีก แถมอนาคตเลือกตั้งเที่ยวหน้า 14 จังหวัดภาคใต้ จาก 50 เขต จะงอกออกมาเป็น 56 เขต ใครบ้างไม่อยากได้ ไม่แปลกที่พรรคประชาธิปัตย์จะออกโรงสกัดพรรคภูมิใจไทยอย่างแข็งขันด้วยกำลังเข้มแข็ง เพราะเป็นคู่แข่งแย่งส.ส.กันด้วยประการฉะนี้
/////////////////