คดีที่ จ่าทหารสังกัด วิทยาลัยการทัพบก กรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งมีประวัติการรักษาจิตเวช แต่ไม่ต่อเนื่อง เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ภายในค่าย ก่อนตำรวจเข้าเกลี้ยกล่อมจนยอมมอบตัว และถูกควบคุมตัวสอบปากคำร่วมกับนายทหารพระธรรมนูญ เพื่อหามูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ขณะเจ้าตัวยังคงให้การวกวน
วันนี้ (15 ก.ย.) รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต ได้ออกมาให้ทัศนะเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า คดีนี้ประเด็นอยู่ที่ทำไม ผู้ก่อเหตุถึงใช้อาวุธปืนไปทำร้าย เพื่อนร่วมงาน ตำรวจต้องสอบสวนว่า ผู้ก่อเหตุมีความโกรธแค้นกับผู้เสียชีวิตมากน้อยเพียงใด หรือมีความผิดปกติทางจิตจริงตามที่มีการเสนอข่าว ซึ่งต้องไปตรวจสอบว่า ส่งผลให้ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะสภาวะจิตบกพร่องซึ่งจะเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ต้องให้จิตแพทย์เป็นผู้ประเมิน
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ ยังกล่าวถึง ความกดดันในการรับราชการทหารซึ่งอาจเป็นมูลเหตุจูงใจให้ตัดสินใจก่อเหตุสลดดังกล่าว โดยตน มองว่าการทำงานทุกที่ ย่อมมีภาวะความเครียด ความกดดันได้ขึ้นอยู่กับลักษณะความรับผิดชอบ สำหรับทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานเหล่านี้จะเป็นหน่วยงานที่มีอาวุธ การที่บุคคลากรสามารถพกพาอาวุธปืน โดยไม่ได้มีการกำกับดูแลควบคุม และประเมินสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องที่ควรกังวลยิ่งโดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความขัดแย้ง ในสายงาน ดังนั้น การควบคุมการใช้อาวุธประจำกาย จึงมีความสำคัญ หากคนที่ทำงานด้านเสมียน หรือธุรการ ไม่ควรมีการพกพาอาวุธปืน แต่หากจำเป็นต้องพกพา หากคนๆนั้นมีสภาวะจิตที่ไม่ปกติ ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ควรเข้ามาดูแลแก้ไขแต่เนิ่น