ศบค.สั่งล็อกดาวน์เพิ่มอีก 3 จ. หลังยอดติดเชื้อระบาดพุ่งสูง!

ศบค.ประกาศพื้นที่คุมเข้มสีแดงเพิ่มอีก 3 จังหวัด “ชลบุรี-อยุธยา -ฉะเชิงเทรา” หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงต่อเนื่อง งัด “เมษา 63 โมเดล” ปรับใช้ยาแรงอีกรอบล็อกดาวน์ 100% 14 วันคาดลากยาวต่ออีก

วันที่ 18 ก.ค. 2564 แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ในประเทศ ที่ขณะนี้มียอดตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาล โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศบค.) ประกาศคุมเข้มและเคอร์ฟิวส์พื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้มแล้วก็ตาม แต่กลับพบว่า ยังคงมีสถิติยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกหลายจังหวัด จึงทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขมีข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศปก.ศบค.) พิจารณาให้มีการยกระดับเพิ่มมาตรการต่างๆ โดยเสนอให้ปิดกิจกรรมและกิจการเพิ่มมากขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ 100% ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล จนกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง ยกเว้นกิจการที่จำเป็น เช่น การขนส่งสินค้า อาหาร ยา วัคซีน สื่อสาร และสาธารณูปโภคที่จำเป็น รวมทั้งลดการเดินทางข้ามจังหวัด และให้การทำงานที่บ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19

แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดที่มีการประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์และเคอร์ฟิวส์เป็นพื้นที่สีแดงเข้มจะมีเพิ่มขึ้นอีก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา และฉะเชิงเทรา จากเดิมที่มี 10 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่คุมเข้มสีแดงเข้ม รวม 13 จังหวัด โดยที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศปก.ศบค.)พิจารณาให้กลับไปบังคับใช้มาตรการสูงสุดเช่นเดียวกับช่วงเดือนเมษายน 2563 โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนรับทราบเตรียมตัวก่อนประกาศมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับมาตรการดังกล่าวเบื้องต้นบังคับใช้เป็นเวลา 14 วันก่อน แต่คาดว่าน่าจะมีการพิจารณาเพิ่มวันขึ้นอีก ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการควบคุมโรค รวมถึงการยกระดับมาตรการครั้งนี้จะเน้นการตรวจเชิงรุก เพื่อนำคนเข้ารักษาทั้งระบบให้ได้ ซึ่งมีการบริหารจัดการระบบทีมเคลื่อนที่เร็วแบบเบ็ดเสร็จ (Covid-19 Comprehensive Response Team: CCRT) ทยอยลงพื้นที่ชุมชนค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit พร้อมทั้งให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และให้คำแนะนำ ทั้งในมาตรการแยกกักที่บ้าน (Home Isolation) และมาตรการแยกกักในชุมชน (Community Isolation) ที่มีการดูแลเรื่องอาหาร โดยให้ชุมชนช่วยดูแล เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น รวมถึงเป็นการบริหารจัดการโรงพยาบาล ลดความซ้ำซ้อนและสามารถทำการดูแลรักษาได้อย่างครอบคลุมจํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และกลุ่มเสี่ยงให้มากที่สุด อีกทั้งมีการพิจารณามาตรการเยียวยาต่างๆด้วย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น