เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2565 นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวชี้แจงกรณีที่มีข่าวลือนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อยู่เบื้องหลังการคว่ำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ว่า เป็นข่าวเท็จ ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด แต่เป็นการจับแพะชนแกะว่า นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาเข้าพบประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. หลักจากนั้น นพ.ฉันชาย ได้พูดคุยกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ว่ากฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา ซึ่งเป็นการพยายามสื่อความหมายว่านายชวน จะยับยั้งกฎหมายฉบับนี้ ขอชี้แจงว่านายชวนไม่เคยยับยั้งกฎหมายใดๆ รวมทั้งกฎหมายฉบับนี้ด้วยเช่นกัน มีแต่จะเร่งร่างกฎหมายต่างๆ เข้าสู่วาระการประชุมให้สภาพิจารณาโดยเร็ว เพื่อจะได้ผ่านไปเป็นกฎหมายและเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง
“ที่ปรึกษาปธ.สภาฯ” โต้ข่าวลือ “ชวน หลีกภัย” เบื้องหลังคว่ำกม.กัญชา ชี้ “ฉันชาย” เข้าพบเหตุห่วงช่วงสุญญากาศไม่มีกฎหมายควบคุม
ข่าวที่น่าสนใจ
นพ.สุกิจ กล่าวอีกว่า ขอความเป็นธรรมต่อ นพ.ฉันชาย ว่าท่านไม่ได้เข้าพบประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้มีการยับยั้งร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว แต่เป็นการเข้าพบเพื่อแสดงความเป็นห่วงว่าเมื่อ พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 และประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้ จะมีการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ประเภท 5 และไม่มีกฎหมายใด ๆ มารองรับทำให้เกิดช่องว่าง ที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมการใช้กัญชาได้เลย ในฐานะที่เป็นแพทย์ซึ่งมีความรู้เรื่องคุณและโทษของกัญชา จึงมีความเป็นห่วงว่าจะมีการนำเอากัญชาไปใช้ในทางที่ผิด และความจริงท่านมีท่าทีเหมือนต้องการให้เร่งออกกฎหมายมารองรับโดยเร็วเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ นพ.สุกิจ กล่าวยืนยันด้วยว่า ตามปกติตนในฐานะที่ปรึกษาประธานสภาฯ ซึ่งนายชวนได้มอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับการประชุม จะเป็นคนเชิญเจ้าหน้าที่ กมธ.ที่เกี่ยวข้องมาสรุปให้ประธานสภาฯรับทราบจริง แต่ไม่ได้เชิญทุกฉบับ โดยจะเชิญมาเฉพาะบางฉบับ เช่น ฉบับที่ผ่านเข้าสู่สภาในวาระที่สอง แล้วเกิดปัญหาจนคณะ กมธ.ต้องขอนำไปพิจารณาใหม่ เหมือนกรณีร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือฉบับที่มีการแก้ไขของวุฒิสภาแล้วส่งกลับมา เป็นต้น
“บทสรุปสุดท้ายของข่าวที่กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ผู้ที่พูดแล้วพูดอีกว่าตนเองเป็นผู้ยึดมั่นในระบบรัฐสภากลับกระทำตรงข้าม ล้มล้างกฎหมายที่ตัวเองสั่งบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ไม่ให้พิจารณาในวาระที่สองและสามนั้น เป็นการหาที่รุนแรงและไร้เหตุผล ถ้าท่านมีเหตุผลจริงก็ควรถาม ส.ส.ที่ลงมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่าได้รับคำสั่งจาก นายชวนหรือไม่ โดยเฉพาะตอนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ นายชวน ไม่ได้นั่งเป็นประธานการประชุม แต่ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม คือ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ขอให้ท่านลองไปสอบถามรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ว่า ประธานสภาฯได้สั่งให้ทำอย่างที่เป็นข่าวหรือไม่” ที่ปรึกษาสภาฯ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง