ติดตามต่อเนื่องกับประเด็นปัญหาการประมูล จัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ EEC หลังจากศาลปกครองนัดไต่สวนครั้งแรก ( วันที่ 15 ก.ย. 2565 ) และมีแนวทางชัดเจนในการพิจารณาคดีโดยเร็ว โดยการกำหนดให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย เร่ง จัดส่งข้อมูล เอกสาร หลักฐาน โต้แย้ง อื่น ๆ ให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน เพื่อนำไปสู่การอ่านคำพิพากษาให้เสร็จสิ้นภายในเดือน พ.ย. 2565 เพราะไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับขั้นตอนการผลิตส่งน้ำ ตามที่ศาลปกครองเคยมีหนังสือแจ้งไว้ก่อนหน้า และ ที่ผ่านมากระบวนการพิจารณายืดเยื้อมานาน เนื่องจากทางฝั่งกรมธนารักษ์ ในฐานะผู้ถูกร้องส่งเอกสาร ประกอบการพิจารณาไม่ครบถ้วน และ ขออนุญาตศาลปกครองเลื่อนนำส่งหลายครั้ง
อย่างไรก็ตามกับกรณีข้อมูลการไต่สวนที่ผ่านมา พบว่า องค์คณะตุลาการได้ซักถามกรมธนารักษ์ ใน 3 จุดสำคัญ คือ
1.ประเด็นเรื่องการแบ่งชำระค่าแรกเข้าเป็น 2 งวด จากเดิมมีการกำหนดไว้ใน TOR ต้องชำระในงวดเดียว (หรือไม่ได้มีข้อกำหนดใด ๆ ให้สามารถแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ) โดยมีจำนวนการชำระค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา ไม่น้อยกว่า 482,713,600 บาท
และทางกรมธนารักษ์ ชี้แจงว่า ในวันเซ็นสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่้งต้องเป็นผู้เสนอค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา ปรากฎว่าในประชุมครั้งที่ 7 กรมธนารักษ์ มีการพิจารณาให้บริษัทวงษ์สยาม ก่อสร้าง สามารถแบ่งชำระเป็น 2 งวด คือ ครั้งที่ 1 จำนวน 580 ล้านบาท (หรือคิดเป็น ร้อยละ 40) ในวันลงนามสัญญา และ ครั้งที่ 2 จำนวน 870 ล้านบาท (หรือ คิดเป็น ร้อยละ 60) กำหนดให้ชำระเมื่อรับโอนท่อส่งน้ำเรียบร้อย ยกเว้นกรณีการรับโอนท่อส่งน้ำในวันเดียวกับการลงนามสัญญา ต้องจ่าย ค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา ทั้ง 2 งวดพร้อมกัน
ส่วนเหตุผลในการตัดสินใจให้มีการแบ่งชำระเป็น 2 งวด เนื่องจาก กรมธนารักษ์ เพิ่งรับทราบข้อมูลว่า อาจเกิดปัญหาการส่งมอบท่อล่าช้าจาก อีสท์ วอเตอร์ จึงพิจารณาเรื่องการแบ่งชำระ และได้ส่งให้รายละเอียดให้อัยการ ตรวจสอบร่างสัญญาใหม่แล้ว และยืนยันว่าไม่ได้ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใดในการประมูล เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจากการประมูลเสร็จสิ้นแล้ว
2.ประเด็นเรื่องการแบ่งชำระ ตุลาการศาลปกครอง ซักถามว่า ที่ผ่านมา มีโครงการใดบ้าง ที่กรมธนารักษ์ อนุมัติให้จัดแบ่งชำระค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา
กรณีดังกล่าว กรมธนารักษ์ ชี้แจงว่าโครงการท่อส่งน้ำ EEC นี้ เป็นโครงการเดียวที่มีการเจรจาอนุญาตให้แบ่งชำระ เนื่องจากกฎกระทรวงได้ออกข้อกำหนดใหม่มาในปี 2564 ส่วนโครงการอื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ได้แก่ สนามกอล์ฟบางพระ ซึ่งกำหนดไว้ใน TOR ตั้งแต่แรกว่าสามารถผ่อนจ่ายได้ แต่ไม่ได้ดำเนินการต่อจนแล้วเสร็จ เนื่องจากมีปัญหาแบงก์การันตีปลอม
3.ประเด็นข้อกล่าวอ้าง เรื่องมติครม.ให้อำนาจกรมธนารักษ์ สามารถดำเนินการประมูลโครงการท่อส่งน้ำ EEC ได้ ทั้ง ๆ ที่เดิมอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ อีสท์ วอเตอร์ ซึ่งมีการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) และ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้ถือหุ้นหลัก
กรมธนารักษ์ ชี้แจงว่า จากมติครม. ปี 2535 เพื่อก่อตั้ง บริษัท อีสท์ วอเตอร์ นั้น ต่อมาได้มีมติ ครม. ปี 2539 เห็นชอบให้ อีสท์ วอเตอร์ พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว จึงต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุน และ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ
ส่วน มติ ครม. ปี 2543 ในการอนุมัติให้อีสท์ วอเตอร์ ทำสัญญาเช่าท่อน้ำ หนองปลาไหล-หนองค้อ โดยไม่ต้องประมูล ตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุน ปี 2535 นั้น ถือเป็นแนวนโยบายซึ่งต้องไม่ขัดกับกฎหมายในปัจจุบันด้วย อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีมติครม.ใด ๆ เพิ่มเติม หลังจากการให้ยกเลิกมติ ครม.เดิมที่กล่าวมา