อย่างที่รู้ว่า 30 ก.ย.2565 บ่ายสามโมง ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้องตีความนายก 8 ปี ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ว่าจะสิ้นสุด 8 ปีตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2565 ตามที่ 171 ส.ส.ฝ่ายค้านยื่นร้องมาหรือไม่ จนถึงวันนี้เหลือเวลาอีกราว 8 วัน ยังไม่รู้ว่า 9 อรหันต์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคำร้องนี้ออกมาอย่างไร ท่ามกลางการปล่อยข่าวลือสารพัด แจ้งมติที่ประชุม 7:2 บ้าง 6:3 บ้าง บ้างก็บอกเสียงแกว่งออกมาเป็น 4 :3:2 ทั้งที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ประชุม ยังไม่นัดหารือ ยังไม่ได้แถลงคำวินิจฉัยส่วนตนออกมาเลย แต่ก็มีคนไม่หวังดีไปปล่อยข่าวมติออกมาเป็นตุเป็นตะหากผลการลงมติออกมาพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อก็คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะได้ไปต่อ 2 ปี หรือได้ไปต่อ 4 ปี แต่หากคำวินิจฉัยออกมาในทางเลวร้ายสุด 9 อรหันต์เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดทำหน้าที่เพราะครบวาระแล้ว อันนี้แหละจะเกิดเรื่องยุ่งทางการเมืองตามมามากมาย
ใหญ่สุดก็คือจะต้องมีตีความกันว่าพล.อ.ประยุทธ์หากพ้นจากตำแหน่งนายกฯแล้ว ยังสามารถเป็นรักษาการนายกฯต่อไปได้หรือไม่ และยังมีอำนาจยุบสภาได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ยังพอมีช่องทางให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้และคงไม่วุ่นวายเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ได้ต้องพ้นไปทันทีไม่มีอำนาจทำอะไรได้ อันนี้แหละจะยิ่งเพราะจะต้องมาเข้าลูปให้ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเรียกประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกฯคนใหม่ทำหน้าที่แทนพล.อ.ประยุทธ์ อย่างที่ทราบว่าในสำรับแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองตอนนี้เหลือตัวเลือกแค่ 2 คนเท่านั้นที่จะช่วงชิงกันหากพล.อ.ประยุทธ์เกิดอุบัติเหตุไม่ได้ไปต่อ ฝ่ายรัฐบาลมีชื่อของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหนึ่งเดียวจากฝากฝั่งรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายค้านก็เหลือแค่ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯสำรองจากพรรคเพื่อไทย
ปัญหาของการคัดเลือกนายกฯคนใหม่อยู่ตรง รัฐธรรมนูญ ม.272 วรรคหนึ่ง ที่ระบุว่า ต้องมีคะแนนเสียง มากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ส.ส.มี 500 คน ส.ว.มี 250 คน รวมสองสภามีสมาชิก 750 คน มากกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีเสียงมากกว่า 376 คน จึงจะเป็นนายกฯได้ ถามว่าอนุทินกับชัยเกษมจะหาเสียงมากขนาดนั้นในการขึ้นเป็นนายกฯได้ไหม อย่าว่าแต่เกินกึ่งหนึ่งของสองสภาเลย แค่รวมเสียงฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลหรือฝ่ายพรรคฝ่ายค้านเองให้เป็นปึกแผ่นยังยากเลย สำคัญสุดคือจะหาเสียงจากฝ่ายสภาสูง ขอคะแนนจากส.ว.อย่างไรเพื่อให้ได้เป็นนายกฯ ปัจจุบันรัฐบาลมีส.ส.270 คน ฝ่ายค้านมี 230 คน อนุทินต้องหาส.ส.หรือส.ว.มายกมือให้อีกร้อยกว่าคนจะทำได้ไหม ส่วนชัยเกษมยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ต้องหาส.ส.กับส.ว.อีกราว 150 คนถึงจะเป็นนายกฯได้ จะเอาปัญญาจากที่ไหนไปทำเรื่องพรรค์อย่างนั้นได้
เมื่อ “ตาอิน-ตานา” อย่างอนุทินกับชัยเกษมไม่มีทางเป็นนายกฯได้ โอกาสก็จะมาตกกับ “ตาอยู่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรักษาราชการแทน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีสิทธิ์ลุ้นส้มหล่นใช้ออปชั่น “นายกฯคนนอก” ได้เช่น และโอกาสก็น่าจะมีสูงกว่าอนุทินกับชัยเกษมอีก กล่าวคือ ในรัฐธรรมนูญ 272 วรรคสอง ระบุว่า “ หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกฯ จากผู้มีชื่ออยู่ใน บัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน จํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯ จากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 ”
ขยักแรกคือการเปิดทางไม่ต้องเลือกนายกฯตามบัญชีพรรคการเมืองใช้เสียง 375 คน ที่ลุงป้อมมีลุ้นทำได้อยู่แล้ว ต่อให้พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงมติให้ คะแนนหายไปราว 100-110 คน ลุงป้อมก็ยังมีส.ว.250 คน กับ ส.ส.พรรคเล็กอีกหลายสิบยกมือให้ตรงนี้ไม่น่ามีปัญหา แต่ขยักสองตอนจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯลุ้นเป็นสร.1 นี้ซิ มันต้องใช่เสียงมากกว่านั้น เพราะรัฐธรรมนูญ ม.272 ระบุว่า “ในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้” รอบสองนี้แหละที่ต้องใช้เสียงมากโขอยู่เพราะต้องใช้ เสียงส.ส.-ส.ว.ราว 488 คนถึงจะเป็นนายกฯได้ ตรงนี้แหละลุงป้อมจะโนมน้าวให้เสี่ยหนูกับจุรินทร์เทคะแนนมาให้ตนได้ไหมก็ต้องวัดใจกันดู เพราะฝ่ายเสี่ยหนูก็ลุ้นเป็นนายกฯอยู่เหมือนกัน
ถามว่าโอกาสลุงป้อมมีไหมตอบว่า…มี ถามต่อว่าโอกาสยากไหม ตอบเลยว่า…โคตรยาก อย่าลืมว่าพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แม้ตอนนี้จะงัดกันหนักเรื่องหาเสียงเลือกตั้ง แต้ถ้าถึงเวลาต้องเลือกนายกฯคนใหม่ขึ้นมาจริงๆ เชื่อแน่ว่า 2 พรรคต้องจับมือกันสกัดหนทาง “นายกฯคนนอก” ของบิ๊กป้อมเป็นแน่ ยังไงเสียอนุทินกับจุรินทร์ก็คงต้องขวางบิ๊กป้อมขึ้นเป็นใหญ่ผงาดเป็นนายกฯบนตึกไทยคู่ฟ้าอย่างแน่นอน แค่นั้นไม่พอฝากฝั่งพรรคฝ่ายค้านวานนี้ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาเล่นเกมส์ดักคอลุงป้อมขวางทางนายกฯคนนอกแล้ว ทั้งการออกมาชูชัยเกษมเป็นนายกฯประชาธิปไตยตามบัญชีพรรคการเมือง รวมถึงประกาศพร้อมลงถนนหากกรัฐสภาใช้เสียงข้างมากของส.ส.กับส.ว. ตั้งนายกฯคนนอกขึ้นมาบริหารประเทศ “ หากพล.องประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ ก็จะต้องมีการสรรหานายกฯคนใหม่ ซึ่งต้องเลือกนายกฯในบัญชีก่อน และพรรคภูมิใจไทย ยังมีชื่อของนายอนุทิน หากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกันนายอนุทิน มีโอกาสที่เป็นนายกฯ ด้วยเสียงที่ไม่น้อยกว่า 365 คน แต่ทั้งนี้ก็คาดการณ์ว่า ชื่อนายกฯ ในบัญชีที่มีอยู่จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา อาจต้องเลือกนายกฯนอกบัญชีพรรคการเมือง เพื่อแก้ปัญหาไม่เกิดเดตล็อกทางการเมืองในการบริหารประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับนายกฯคนนอก”ชลน่านระบุ เพราะฉะนั้นอยากที่เห็นกันอยู่ แม้โอกาสขึ้นเป็นนายกฯคนนอกของลุงป้อมจะมีสูงหากบิ๊กตู่เกิดพลัดเก้าอี้ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ แต่เส้นทางไปถึงหอคอยงาช้างบนตึกไทยคู่ฟ้า คงไม่ง่ายสำหรับลุงป้อม เพราะคู่แข่งคู่เทียบคงไม่ยอมให้ลุงป้อมชิงตัดหน้าเป็นนายกฯกันง่ายๆ ลุ้นกันอีกยาวว่าอนาคตผู้นำไทยและการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร
////////////////