23 ก.ย.65.-นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. มีมติยกเลิกพรก.ฉุกเฉินแล้ว และตามที่ประชุมครม.เห็นชอบให้มีการขยายเวลาบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ เมื่อที่ประชุมศบค.เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องต่ออายุ ครม.ก็จะไม่ต่อก็จะถือว่าสิ้นสุดการบังคับใช้พรก.ฉุกเฉิน ส่วนพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อที่จะมีการปรับแก้นั้น ยังคงอยู่ในการพิจารณาอยู่ในขั้นตอนของการออกกฎหมายของกฤษฎีกาที่จะมีรายละเอียดในแง่ข้อกฎหมายของพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้สามารถใช้พรบ.ควบคุมโรคติดต่อที่ยังไม่ได้แก้ไขไปก่อนได้ เพราะในส่วนท้องถิ่นและจังหวัดต่างๆก็มีประสบการณ์ ประกอบกับข้อมูลภูมิคุ้มกันรายบุคคลของแต่ละจังหวัดอยู่ในเปอร์เซนท์ที่สูงทั้งจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อ แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อต่อวันเป็นหลักหมื่น แต่เรามั่นใจว่าจะค่อยๆ ลดลง และแม้อาจจะเพิ่มขึ้นก็ไม่ถึงกับเป็นอันตราย ถ้าประเมินโดยภาพรวม
ส่วนที่ประชุมศบค. มีการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย ของการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างไร นายสาธิต กล่าวว่า ไม่ได้วิเคราะห์แต่ที่ผ่านมาได้พูดคุยเสนอในที่ประชุมครม.ว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินมีประโยชน์ในการควบคุมโรค การใช้กฎหมาย เพราะกฎหมายบางฉบับที่มีอยู่ก่อนอาจไม่ครอบคลุม เช่นการกำหนดเวลาการเดินทางในช่วงที่สถานการณ์รุนแรงตึงเครียดก็ต้องมีความจำเป็น ซึ่งในช่วงหลังจำเป็นน้อยลง จนอาจจะมีการพูดถึงเรื่องประเด็นทางการเมือง แต่พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงควบคุมโรคได้ ทั้งการจำกัดพื้นที่แต่ เมื่อมาถึงวันนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ซึ่งการป้องกันโรค กระทรวงสาธารณสุข มั่นใจว่าสามารถดูแลได้เพียงพอ ศักยภาพเตียงที่รองรับได้ จำนวนผู้เสียชีวิตที่ลดลง ภูมิคุ้มกันหมู่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากนี้เราจะเดินหน้าเปิดประเทศและเศรษฐกิจได้ดีขึ้น โดยจะเห็นว่าญี่ปุ่นเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 11 ต.ค. นี้แล้ว
ทั้งนี้หากอนาคตเกิดผู้ติดเชื้อจำนวนสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจะสามารถดูแลได้หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า มีแผนรับมือโดยมีแผนสีเขียว สีเหลือง หากประเมินว่ามีผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษามากขึ้น เสียชีวิตตามเกณฑ์ที่แบ่งเป็นแท่งสีจะมีมาตรการกำหนดยุทธศาสตร์ในแต่ละประเภทหากเกิดเหตุการณ์จะสามารถใช้แผนที่เตรียมไว้รองรับได้