ด้วยความที่เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ของแวดวงการเมืองไทย เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ 6 เม.ย.2489 จวบจนวันนี้ก็ 76 ปี แล้ว ไม่แปลกที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นจุดกำเนิดเป็นต้นทางการเมืองของนักการเมืองไทย หลายคนอยากสัมผัส หลายคนอยากเป็นสมาชิก หลายคนอยากเป็นส.ส.เป็นแกนนำผู้บริหารของพรรคสีฟ้าแห่งนี้ กวาดตาดูในสภาเกินครึ่งเคยอยู่เคยสัมผัสเคยเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์มาแล้วทั้งสิ้นไม่มากก็น้อย ต่างกรรมต่างวาระกันไป เป็นธรรมดาของทุกสิ่งมีขึ้นย่อมมีลงดังได้ก็ดับได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็หนีไม่พ้นวัฏจักรนี้เช่นกัน อดีตที่ผ่านมาก็เห็นหลายครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนผู้บริหารผลัดใบทางการเมืองมาตลอด คนเก่าไปคนใหม่มา
ย้อนอดีตหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งในคราวที่แล้ว 24 มี.ค.2562 อย่างหมดรูปของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะเหตุที่ประกาศรักษาจุดยืนขอรักษา “ธง” และอุดมการณ์ของพรรค ที่จะไม่สนับสนุนอดีตผู้นำที่เคยก่อนการปฏิวัติรัฐประหาร เลือกตั้งรอบที่แล้วอภิสิทธิ์จึงประกาศก่อนเข้าคูหาชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของเขาหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่สนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตหมายเลข 1 ของพรรคพลังประชารัฐขึ้นเป็นนายกฯเพราะเป็นผู้นำรับประหาร ที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ก็พ่ายแพ้ย่อยยับ เพราะคนเลือกพรรคประชาธิปัตย์เฮโลไปเลือกพรรคพลังประชารัฐที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ทั้งหมด หลังความพ่ายแพ้ดังกล่าวพรรคสีฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดย “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ได้ฉันทามติจากสมาชิกพรรค โหวตเตอร์ และ ส.ส. ให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ขณะที่ฝ่ายผู้พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคก็กระเซ็นกระสายต้องออกนอกพรรค “เสี่ยกร” กรณ์ จิตกวณิช อดีตขุนคลัง ลาออกจากพรรคไปตั้งพรรคกล้า “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรมว.ยุติธรรม ออกไปทำงานกับบิ๊กตู่ แม้กระทั่ง “หมอวรงค์” วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่เคยเป็นคู่ชิงหัวหน้าพรรคกับอภิสิทธิ์ก็ออกมาตั้งพรรคไทยภักดีประกาศจุดยืนทำการเมืองปกป้องสถาบัน ขณะที่แกนนำพรรครวมทั้งส.ส.หลายคนก็แตกออกมามีทางเดินเป็นของตัวเอง
แต่ในบรรดาคนที่ออกมาตั้งพรรคใหม่ทำพรรคเอง อย่างกร หมอวรงค์ และล่าสุดคือพีระพันธุ์ ต้องบอกว่ากรก็ล่องจุ๊นไปแล้วเพราะลาออกจากพรรคกล้าไปเป็นหัวพรรคชาติพัฒนา ส่วนหมอวรงค์เต็มที่ก็คงเป็นได้แค่พรรคเล็กใจใหญ่มีแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม แลดูที่มีอนาคตกว่าใครเพื่อนก็คือพีระพันธุ์ที่ล่าสุดผงาดขึ้นเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แถมเป็นพรรคที่ถูกคาดหมายว่าหากบิ๊กตู่หลุดพ้นคดีตีความ 8 ปี อนาคตถ้าเล่นการเมืองต่อไปอีกสมัยก็อาจใช้พรรครวมไทยสร้างชาติของเสี่ยตุ๋ยนี้แหละเป็นพรรคที่จะเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติกลายเป็นพรรคเนื้อหอมมาแรง เพราะถูกมองว่ามีบิ๊กตู่เป็นแบ็กอีพให้
นอกจากพีระพันธุ์แล้วแกนนำพรรคยังมี “ขิง” เอกณัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กทม. “เสี่ยน้อย” วิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข สามารถ มะลูลีม และอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกเพียบ ที่ตามออกมาร่วมหัวจมท้ายกับพรรคใหม่ด้วย แถมมีข่าวว่าอนาคตก็จะได้ “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ที่ติดคดีกปปส. และอยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็อึดอัดจะไปพรรคพลังประชารัฐก็ลำบาก สุดท้ายจึงมาลงตัวช่วยงานพรรคในทางลับด้วย เอาจริงๆถึงขนาดมีข่าวว่าพรรควางตัวลูกหมีให้เป็นหัวหน้าเงาภาคใต้ของพรรคเลยทีเดียว เพราะหวังจะใช้บารมี เครือข่ายของลูกหมีขยายฐานส.ส.ในภาคใต้ งานนี้พรรครวมไทยสร้างชาติของเสี่ยตุ๋ยวางเป้าหมายช่วงชิงพื้นที่ภาคใต้เป็นฐานที่มั่นสำคัญ ตั้งเป้ากวาดทั้งชุมพร กระบี่ สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ฯลฯ
ที่สุดจึงกลายเป็นรายการเหยียบตาปลางัดกันระหว่างคนกันเอง คือพรรครวมไทยสร้างชาติ กับเจ้าถิ่นอย่างพรรคประชาธิปัตย์ อย่าได้แปลกใจหากก่อนหน้านี้ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะผู้เฒ่าผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดของพรรคสีฟ้าจะออกมาสะบัดมีดโกนอาบน้ำผึ้งเตือนลูกพรรคที่จะย้ายไปอยู่ “พรรคเฉพาะกิจพรรคชั่วคราว” จะมาสู้อะไรกับพรรคที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ชวนสะบัดมีดโกนจบ จุรินทร์หัวหน้าพรรคสีฟ้าคนปัจจุบันก็มากรีดต่อ มั่นใจว่าคนใต้แยกแยะออกพรรคไหนยั่งยืนพรรคไหนเฉพาะกิจ เจอ 2 ดอกจากระดับเบอร์ต้นของพรรคสีฟ้าไปเต็มๆถึงกับจุก อย่าลืมการเลือกตั้งทั่วไปเที่ยวหน้า ภาคใต้จะได้เพิ่มจาก 50 คน เป็น 58 คน หลายจังหวัดส่วนใหญ่จะได้ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 1 คน ประกอบด้วย ชุมพร 3 คน ระนอง 1 คน พังงา 2 (1) คน สุราษฏร์ธานี 7 (6) คน ภูเก็ต 3 (2) คน กระบี่ 3 (2) คน นครศรีธรรมราช 9 (8) คน ตรัง 4 (3) คน พัทลุง 3 คน สตูล 2 คน สงขลา 9 (8) คน ปัตตานี 4 คน ยะลา 3 คน นราธิวาส 5 (4) คน แน่นอนว่าพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เหมือนพรรคแม่กับพรรคลูก มาจากเถือกเถาเหล่ากอเดียวกัน มีฐานเสียงคนสนับสนุนกลุ่มเดียวกันก็ต้องฟาดฟันกันเป็นธรรมดา คล้ายๆกรณีพรรคเพื่อไทยกับพรรคไทยสร้างไทยที่ต้องห่ำหั่นกันในภาคอีสาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจที่แกนนำค่ายสีฟ้าจะออกมาฟาดงวงฟาดงาเรื่องนี้ เพราะเลือกตั้งรอบหน้าสองพรรคสายเลือดเดียวกันต้องเปิดศึกต่อสู้กันเอง คนกันเองทั้งนั้น พรรคไทยสร้างชาติขยับ พรรคประชาธิปัตย์จึงสะเทือนด้วยกระการฉะนี้
///////////////