“ทนายรัชพล” ชี้ ชนแล้วหนี ทิ้งเบอร์โทร ไม่ช่วยพ้นผิด

“ทนายรัชพล” ชี้ ชนแล้วหนี ทิ้งเบอร์โทร ไม่ช่วยพ้นผิด

จากเหตุรถยนต์แต่งซิ่ง 2 ประตู ยี่ห้อนิสสัน Silvia s14 สีดำ หมายเลขทะเบียน ญว 700 กทม. ขับซิ่งฝ่าสายฝนจนเกิดอุบัติเหตุขับชนขอบทางด่วนทางพิเศษฉลองรัช ฝั่งทิศทางขาเข้า มุ่งหน้าทางลงพระรามเก้า แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จนกระทั่งมาเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน มีรถสปอร์ตหรู บีเอ็มดับเบิลยู i8 สีเทา หมายเลขทะเบียน ศค 6009 กทม. คู่กรณีขับมาด้วยความเร็วไม่เบรก พุ่งเสยชนอย่างแรง ซึ่งมีชายวัยรุ่นเป็นผู้ขับ สภาพหน้ารถพังยับ กระจกหน้าแตกร้าวเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายเป็นคนขับรถนิสสัน ทราบชื่อนายอภิสิทธิ์ สินจิตต์ อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลคามิเลียน

จากนั้นไม่นานก็มีรถโตโยต้า อัลฟาร์ด ขับมารับชายวัยรุ่นคู่กรณีออกไปจากที่เกิดเหตุทันที และอ้างว่าจะพาไปโรงพยาบาลก่อน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ได้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ตามกฎหมายแล้ว พ.ร.บ. จราจรทางบกปี 2522 ตามมาตรา 78 หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาคุณต้องหยุดรถก่อน และต้องให้ความช่วยเหลือตามสมควร พร้อมทั้งจะต้องแจ้งเหตุให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ ดังนั้นต่อให้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อกลับไว้ ก็ไม่สามารถหลุดพ้นโทษชนแล้วหนีได้ เนื่องจาก ตามตัวบทกฎหมาย เขียนไว้ชัดเจนว่า หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน คู่กรณี ต้องอยู่ในจุดเกิดเหตุ จนกระทั่งให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ในระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องแสดงความช่วยเหลือ แก่ผู้เสียหาย จะมาอ้างว่า ตกใจ หรือ เหตุผลใดๆ เพื่อออกจากพื้นที่ และ ค่อยกลับมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถทำได้

ดังนั้นการที่วางใบขับขี่ไว้โดยตัวเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ และไม่ให้ความช่วยเหลือและไม่ได้แสดงตัวหรือแจ้งรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ ก็เปรียบเสมือนไม่ปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้จะมีความผิดจำคุกไม่เกิน 3 เดือนและปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ อยากฝากทุกคนว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุให้หยุดรถก่อนและให้ความช่วยเหลือพร้อมทั้งแสดงตน

ส่วนที่อ้างว่าตกใจสามารถฟังขึ้นได้หรือไม่นั้น กฎหมายไม่มีข้อยกเว้นไว้หากตกใจแล้วจะไม่เป็นความผิด ดังนั้นไม่ว่าจะตกใจหรือไม่ก็ตามต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือแสดงตนทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย
ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น