“โฆษกรัฐบาล” เผยจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ “โรคฝีดาษลิง” ลดลง สะท้อนศักยภาพสาธารณสุขไทย

"โฆษกรัฐบาล" เผยจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ "โรคฝีดาษลิง" ลดลง สะท้อนศักยภาพสาธารณสุขไทย

วันที่ 25 กันยายน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง (Monkey pox) ซึ่งยินดีที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และสถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่ทั้งในประเทศและทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอปรับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรณีโรคฝีดาษวานร จากเดิมเฝ้าระวังในระดับกระทรวง ปรับลงเหลือเพียงระดับกรม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขของพี่น้องชาวไทย โดยได้ติดตามการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งในกรณีของโรคโรคฝีดาษวานร กรมควบคุม กระทรวงสาธารณสุข ได้เริ่มตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (Emergency Operations Center: EOC) เพื่อเฝ้าระวังในระดับกรม ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 และเมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC) รัฐบาลได้เตรียมแนวทาง และยกระดับศูนย์ EOC เป็นระดับกระทรวง ส่งผลให้การสั่งการเฝ้าระวังมีความครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง กรมควบคุม กระทรวงสาธารณสุข พบว่าการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานรในช่วงแพร่ระบาดสูงสุดทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 1 พันรายต่อวัน แต่ขณะนี้เหลือเฉลี่ย 580 รายต่อวัน โดยประเทศไทยพบผู้ป่วยฝีดาษวานร รวม 8 ราย ในระยะเวลา 4 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 2 ราย โดย 3 ใน 7 ราย มีประวัติแสดงอาการก่อนเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ซึ่งการติดต่อมีปัจจัยหลักมาจากการสัมผัสใกล้ชิดจากการมีเพศสัมพันธ์ และจากการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ไม่พบการแพร่เชื้อต่อแต่อย่างใด สะท้อนให้เห็นว่าโรคฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย และผลการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 จึงเสนอปรับลดระดับศูนย์ EOC โรคฝีดาษวานร จากระดับกระทรวงกลับมาเป็นระดับกรมตามเดิม

“รัฐบาลได้เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และโรคฝีดาษวานร โดยรัฐบาลได้กำหนดแนวทางการทำงานตอบโต้ต่อสถานการณ์อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งปรับมาตรการและแนวทางการควบคุมโรคให้สอดคล้องตามสถานการณ์ ทำให้แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยของทั้งสองโรคลดจำนวนลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม โรคฝีดาษวานรยังเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยหากพบผู้ป่วยต้องสงสัยจำเป็นต้องรายงานและมีการสอบสวนโรค จึงขอให้พี่น้องประชาชน โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยังคงติดตามและรายงานผู้ป่วยฝีดาษวานรต่อไป” นายอนุชา กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF
ทบ.ยืนยันอีกรอบ! ปมร้อน “แสตมป์” ไม่เกี่ยวกองทัพ พบไม่เคยร้อง 112
ผบ.ทร.เข้าเยี่ยม พร้อมมอบของบำรุงขวัญ สร้างกำลังใจทหารผ่านศึก ขอบคุณเสียสละเพื่อชาติจนทุพพลภาพ
“อัจฉริยะ” ยอมเสี่ยงชีวิต มาขึ้นไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล พร้อมเปิดแผลผ่าตัดโชว์นักข่าว
"อิสราเอล" บิดหยุดยิง ถล่มเวสต์แบงก์ดับเกลื่อน "ฮามาส" รวมพลด่วน
ตม.4 บุกทลายเว็บพนันฯเกาหลีใต้ ใช้ไทยเป็นฐานบัญชาการควบคุมทั่วโลก เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
เปิดคำพิพากษา “เต้ มงคลกิตติ์” ทำสัญญาประนีประนอม ยอมขอโทษ หมิ่นกล่าวหา “ศักดิ์สยาม”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น