จากกรณีดราม่าระหว่าง “พระชาตรี เหมพันโธ” กับ “แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด “พระชาตรี เหมพันโธ” เจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย พระธรรมทูตไทยในประเทศรัสเซีย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Chatree Hemapandha โดยแคปภาพจากเพจโหนกระแสซึ่งมีข้อความ “แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ไลฟ์ตอบว่า “ส่วนตัวจบไปตั้งแต่ไลฟ์ตอบพระชาตรีในวันดังกล่าวแล้ว ไม่ติดใจใดๆ ส่วนตัวละครต่างๆ ที่เข้ามาไม่รู้เข้ามาทำไม ไม่ดูทิศดูทาง และเรื่องที่มีการขุดคุ้ยพระชาตรี ดิฉันไม่ได้ขุดคุ้ย เพราะที่มีบ้านไม่ได้มีรถแบ๊คโฮ ไม่ได้รับจ้างขุดเจาะ” พร้อมระบุข้อความว่า น้องแพรี่ (น้องไพรวัลย์) ยังรักและเข้าใจน้อง เรามีพระศาสดาองค์เดียวกัน น้องจงทำหน้าที่ของน้องในฐานะพุทธบุตรต่อไป ทางนี้ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเช่นกัน สักวันคงได้ทำงานร่วมกัน น้องจงดูแลตัวเอง เส้นทางอีกยาวไกล พี่หลวงก็ยอมรับความผิดพลาดของพี่หลวง ยังไงพี่หลวงก็จะน้อมรับและไปปรับปรุงแก้ไขตัวเองต่อไปเช่นกัน
โดยข้อความดังกล่าวเป็นความเคลื่อนไหวของพระชาตรี หลังจากที่ตอบโต้กันไปมากับมหาไพรวัลย์ หรือแพรรี่ โดยหมัดเด็ดที่ มหาไพรวัลย์ นำออกเปิดเผยคือ ข้อมูลสมัยอยู่วัดพุทธปัญญา เคยสั่งการให้ต่อยตีทำร้ายพระรูปอื่น พร้อมกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมยักยอกเปลี่ยนถ่ายเงินในบัญชีสมัยเป็นรักษาการเจ้าอาวาส จนเงินหายไปจากบัญชี 4 ล้านกว่าบาท และมีเอกสารอยู่ที่สำนักงานเจ้าคณะตำบลบางเขน
ทีมข่าวท็อปนิวส์ลงพื้นที่ ไปพบที่วัดพุทธปัญญา ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อมาสอบถาม พระมหาทวี โพธิเมธี เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาองค์ปัจจุบัน เปิดเผยว่า เพิ่งจะมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาเมื่อปี 2560 แต่เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น 1 ปี โดยการเข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ไม่ใช่การรับตำแหน่งต่อจากพระชาตรีทันที แต่รับตำแหน่งต่อจากเจ้าอาวาสอีกรูปหนึ่ง หลังพระชาตรีถูกปลดออกไปโดยเจ้าคณะตำบลบางเขน ตอนนั้นรักษาการเจ้าคณะของวัดพุทธปัญญา รู้ว่าพระชาตรีทุจริตเบิกเงินวัดไปใช้ 4 ล้านบาท รักษาการเจ้าอาวาสจึงแจ้งความดำเนินคดีกับพระชาตรี และนำเรื่องเรียนชี้แจงให้เจ้าคณะตำบลทราบเรื่อง ทราบว่า ตอนนี้เรื่องไปอยู่ที่ศาลจ.นนทบุรีแล้ว ส่วนตนเองหลังรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็ต้องเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดในฐานะเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้ข้อมูลกับศาล แต่อาตมาเพิ่งมารับตำแหน่งหลังเกิดเรื่องไปแล้ว จึงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเกี่ยวกับเงินวัดจำนวนดังกล่าว จึงได้แต่ตอบศาลไปว่าไม่รู้ไม่รู้ ทำให้คดียังคงค้างอยู่ในศาลตั้งแต่นั้นมา
อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์นี้จะมอบหมายให้ทนายความของวัด เดินทางไปติดตามคดีที่ศาลจังหวัดนนทบุรีอีกครั้งว่าคดีถึงไหน หรือสิ้นสุดไปแล้วหรือยัง เพื่อดำเนินการตรวจสอบและติดตามเงินกลับคืนวัดต่อไป