วันที่ 28 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่มีฝนตกหนักสะสม น้ำได้หลากเข้าท่วมโซนเศรษฐกิจหนักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ พายุ”โนรู”ไม่อ่อนกำลังลงยังเกิดฝนตกถล่มซ้ำอีก ซึ่งทำให้ในปัจจุบัน พื้นที่ จ.ชัยภูมิ ทั้ง 16 อำเภอ ตามแหล่งเก็บกักน้ำต่างๆที่มีทั้งหมดเต็มเกินความจุทั้งหมดแล้วในขณะนี้ ซึ่งยังมีมวลน้ำหลากอีกเป็นจำนวนมากหลากทะลักเข้าท่วมในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะโซนเศรษฐกิจย่านกลางใจเมืองทั้งหมดเกิดน้ำหลาห ทั้งจากอ่างเก็บน้ำห้วยยางบ่า,เขื่อนลำประทาว,ลำแม่น้ำชีที่ จ.ชัยภูมิ ได้เอ่อล้นตลิ่งหลากเข้าท่วมพื้นที่มาต่อเนื่องมานานตลอดช่วงต้นเดือน ก.ย.65 ที่ผ่านมา โดยที่ริมน้ำชีที่ตำบลบ้านค่าย ได้เกิดพนังกั้นน้ำแตกและขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นกว่า10-30 เมตร ทำให้มวลน้ำชีทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ล้อมวัด หมู่บ้านเสี้ยวน้อย ม.8 ต.บ้านค่าย อ.เมืองชัยภูมิ กว่า140 หลังคาเรือนถูกตัดขาด ทางการสัญจร ใช้ได้เพียงเรือติดเครื่องยนต์ ใช้เข้าออกหมู่บ้าน เนื่องจากกระแสน้ำยังคงแรงอยู่ ซึ่งทั้งพระเณร เด็กนักเรียน จะต้องอาศัยนั่งเรือออกมารับบิณฑบาตและไปโรงเรียนอย่างทุละทุเล
ด้านนายสำเริง ทวีภูมิ นายกฯอบต.บ้านค่าย เผยว่าในขณะนี้ระดับน้ำในลำชียังคงเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทาง อบต.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเดือดร้อนของชาวบ้าน ม.8 นี้ และหาแนวทางรับมือโดยเฉพาะการขนย้ายอพยบคนแก่ คนชรา ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ในจุดที่เสี่ยงน้ำท่วมบ้าน โดยเรื่องอาหารในครัวเรือนได้ที่ทำอาหารเองไม่ได้ก็จะต้องจัดชุดแม่ครัวทำอาหารมาส่งให้ครบทุกคนอีกด้วย
ล่าสุดนายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้เร่งเข้าตรวจสอบพื้นที่ด้วยตัวเอง ซึ่งน้ำในลำชีได้ทะลักพัดพนังกั้นลำน้ำชีแตกยังขยายวงกว้างต่อเนื่องยาวอีกว่า 10-20 เมตร มีระดับความลึกถึง 2-3 เมตร และสั่งการให้จัดชุดเฝ้าระวังน้ำตลอด 24 ชม.เพื่อค่อยช่วยเหลือชาวบ้านทั้งยังจะประสานหาเรือท้องแบนมาเสริมให้อีกด้วย ซึ่งคาดว่าหากยังได้รับผลกระทบจากฝนตกสะสมในพื้นที่จากอิทธิพลจากพายุโนรู ซ้ำลงมาอีก คาดว่าชาวบ้านที่นี่จะต้องได้รับความเดือดร้อนถูกตัดขาดเข้าออกหมู่บ้านไม่ได้ไปอีกนานกว่า 1-2 เดือน ถึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างเช่นปี 64 ที่ผ่านมานี้อีกด้วย.
ภาพ/ข่าว มัฆวาน วรรนกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชัยภูมิ