วันที่ 29 ก.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองเพชรบุรี มีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำ ที่ บ.20/2565 ระหว่าง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ฟ้องคดี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 1 ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 2 คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี
คดีนี้ ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้พิจารณา สำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ในการประชุม ครั้งที่ 16/2564 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วมีมติชี้มูลความผิดผู้ฟ้องคดี ในกรณีผู้ฟ้องคดี กระทำผิดทางอาญา มาตรา 157 แห่งประมวลกฏหมายอาญา และมาตรา 123/1 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และการปฏิบัติผิดวินัยร้ายแรง ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามมาตรา 85 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบราชการพลเรือน พ.ศ.2551และมีหนังสือฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2564 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 พิจารณาโทษวินัยผู้ฟ้องคดี
ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำสั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 132/2564 ลงวันที่ 2 เมษายน 2564 ลงโทษปลดผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ลงโทษปลดผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
จึงนำคดีมาฟ้อง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาถอนคำสั่ง ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามหนังสือลับที่ ปป0004/ป61 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2564 เพิกถอนคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 132/2564 ลงวันที่ 2 เมษายน 2564 และเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ในการประชุมครั้งที่ 16/2564 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 พร้อมทั้งขอทุเลา การบังคับคดี ตามคำสั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 132/2564 ลงวันที่ 2 เมษายน 2564
ศาลปกครองเพชรบุรีวินิจฉัยสรุปได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่3 ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาผู้ฟ้องคดีว่า ขณะที่ผู้ฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้กระทำการทุจริตในภาครัฐ เหตุเกิดระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ถึง 9 พฤษภาคม 2554 ที่ ตำบลแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดผู้ฟ้องคดีว่า การกระทำของผู้ฟ้องคดี เป็นความผิด ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 และตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติละเว้น หรือปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบราชการพลเรือนมาตรา 85(1) และได้ส่งรายงานไต่สวนข้อเท็จจริง และได้ส่งเอกสารให้ผู้ถูกฟ้องร้องคดีที่ 1 เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยแก่ผู้ฟ้องคดี ต่อมาผู้ฟ้องคดีที่ 2 ได้เสนอเรื่องดังกล่าว ต่อ อ.ก.พ. ที่ประชุมได้มีมติ ลงโทษปลดผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงมีคำสั่ง ลงโทษปลดผู้ฟ้องคดีออกจากราชการนั้น