สิทธิ "บัตรทอง" สปสช. ประกาศเพิ่มสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ดีเดย์ 1 ตุลาคมนี้ เช็คเลย มีอะไรบ้าง
ข่าวที่น่าสนใจ
สปสช. ประกาศข่าวดี! รุกสิทธิประโยชน์ใหม่ ปี 2566 ดูแล ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ขยายเพิ่มเติมหลากหลายบริการ ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาการบริหารจัดการที่เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่รู้จักในชื่อกองทุนบัตรทอง สปสช. ยังคงเดินหน้าและพัฒนาระบบอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อดูแลประชาชนผู้ใช้สิทธิให้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นอย่างครอบคลุมและทั่วถึง
โดยในปีงบประมาณ 2566 ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 นี้ สปสช.จะเริ่มเดินหน้าดำเนินการกองทุนฯ ตามแผนบริหารจัดการที่วางไว้โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน
สิทธิประโยชน์ใหม่เพิ่มเติม ได้แก่
1. การดูแลภาวะความดันเลือดในปอดสูงในทารกแรกเกิด (Persistent Pulmonary Hypertension of the Newborn)
- เป้าหมายบริการจำนวน 320 ราย
2. บริการทันตกรรม Vital Pulp Therapy หรือการรักษาเนื้อเยื่อในฟันกรามแท้
- จำนวน 56,300 ราย,
3. บริการรากฟันเทียม
- จำนวน 15,200 ราย
4. บริการห้องฉุกเฉินคุณภาพภาครัฐ
- จำนวน 53,184 ราย
5. ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ
- จำนวน 48,554 ราย
6. บริการยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
- จำนวน 27,000 ราย
7. เพิ่มยาจำเป็นแต่มีราคาแพง ในกลุ่มบัญชียา จ (2)
- จำนวน 14 รายการ
8. ดูแลผู้ป่วย
- 9,634 ราย
9. บริการดูแลผู้ป่วยกึ่งเฉียบพลัน
- จำนวน 30,283 ราย
10. บริการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับพิษ
- จำนวน 7,598 ราย
11. เพิ่มเติมบริการที่คลินิกการพยาบาลฯ กายภาพบำบัด คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรม และคลินิกทันตกรรม
- 2,002,295 ราย รวมถึงบริการ Home Ward
บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เพิ่มเติมบริการ ได้แก่
- การตรวจไวรัสตับอักเสบบี (HBe Ag) ในหญิงตั้งครรภ์
- บริการคัดกรองธาลัสซีเมียในสามีหรือคู่ของหญิงตั้งครรภ์ทุกราย
- บริการคัดกรองซิฟิลิสในสามีหรือคู่ของหญิงตั้งครรภ์ทุกราย
- บริการสายด่วนเลิกบุหรี่
- สายด่วนสุขภาพจิต
- บริการคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- บริการคัดกรองมะเร็งและมะเร็งช่องปาก
- บริการคัดกรองผู้ป่วยโรคพันธุกรรมเมตาบอลิกด้วยเครื่อง Tandem mass spectrometry (TMS) ในเด็กแรกเกิด
- บริการคัดกรองและค้นหาวัณโรคในกลุ่มเสี่ยงสูง
- บริการตรวจยีน BRCA1/BRCA2 ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์
นอกจากนี้ สปสช. ยังได้ดำเนินการพัฒนาการบริหารจัดการที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการ ได้แก่
- บริการโรคโควิด-19 จากเดิมที่แยกการบริการจัดการโดยใช้งบประมาณ พ.ร.ก.กู้เงินฯ ที่ปรับให้อยู่ในงบบัตร ทองที่ครอบคลุมทั้ง บริการโควิดผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน
- การป้องกันและการช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีฉีดวัคซีนโควิด-19
- การเดินหน้ายกระดับบัตรทองอย่างต่อเนื่อง
- เพิ่มการเข้าถึงยา ทั้งยารักษามะเร็ง และยาที่มีส่วนผสมของกัญชา (บัญชียาหลักแห่งชาติ)
- เพิ่มการเข้าถึงบริการเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูง โดยปรับการจ่ายตามรายการบริการ
- เพิ่มสัดส่วนสมทบกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพในระดับจังหวัดตามความพร้อมแต่ละพื้นที่
- เพิ่มบริการผ่าตัดข้อเข่า
- ผ่าตัดต้อกระจกที่เปิดให้มีการปรับเป้าหมายตามบริบทพื้นที่เช่นกัน
- บริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงนั้น ได้มีการปรับการจ่ายที่เป็นไปตามแผนการดูแลแต่ละบุคคล (Care plan) พร้อมตัดรอบการจ่ายทุก 15 วัน
- ปรับบริการไตวายเรื้อรังที่ให้ดูแลโดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางพร้อมเพิ่มทางเลือกจ่ายชดเชยเป็นเงินสำหรับน้ำยาล้างไตและยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง (EPO) เป็นต้น
ข้อมูล : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง