“ธนวรรธน์” ชี้แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย เพียงพอดูแลเงินเฟ้อ-บาทอ่อนยังไม่ทำร้ายเศรษฐกิจ

“รศ.ดร.ธนวรรธน์” เชื่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของกนง. 0.25% ต่อปี เพียงพอดูแลเงินเฟ้อ ส่งสัญญาณชัดว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ระบุเงินบาทที่อ่อนค่า ยังไม่ทำร้ายเศรษฐกิจ เชื่อแบงก์ชาติมีวิธีดูแลค่าเงิน แทนการขึ้นดอกเบี้ยแรง

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกับทีมข่าว TOPNEWS ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เมื่อวานนี้(28 ก.ย.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า สำหรับประเทศไทย กนง.มีความเห็นชัดเจนว่า ดอกเบี้ยจะต้องเป็นดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากการปรับขึ้นครั้งนี้ เป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่ผ่านมาที่ปรับขึ้นเพียง 0.25% ซึ่งคณะกรรมการไม่ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ แต่การปรับขึ้นครั้งนี้ กลับมีมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 แสดงว่า คณะกรรมการทุกท่านเห็นพ้องว่า ดอกเบี้ยไทยต้องเป็นดอกเบี้ยขาขึ้น

เพียงแต่ประเด็นที่สำคัญคือ อัตราดอกเบี้ยควรที่จะปรับขึ้นเท่าไหร่ ซึ่งจากมติ 7:0 สะท้อนว่า กนง. เลือกที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเเบบค่อยเป็นค่อยไป คือ 0.25% แม้หลายฝ่ายจะมองถึงภาวะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจนหลุด 38 บาทต่อดอลลาร์ น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% แต่การปรับขึ้นเพียง 0.25% พร้อมการกำกับจากการแถลงคือ ธปท. เห็นว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว และเชื่อว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ถึง 3.3% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงในบรรดาของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ การที่ธปท. ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว โดยเป็นเเบบค่อยเป็นค่อยไป และยังจะต้องดูแลเรื่องเงินเฟ้ออยู่ ทำให้ธปท. จึงต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ แต่ก็ยังเน้นการสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและเชื่อว่าดอกเบี้ย 0.25% เพียงพอที่จะดูแลระดับเงินเฟ้อ

ขณะเดียวกัน ธปท ยังย้ำอีกว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงไม่น่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ดังนั้น การที่หลายฝ่ายแอบหวังให้ ธปท ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% เพื่อลดช่องว่างของดอกเบี้ยไทยและดอกเบี้ยของสหรัฐฯและประเทศตะวันตก เพื่อทำให้ค่าเงินบาท หยุดการอ่อนค่าและกลับมาแข็งค่าขึ้น ธปท ไม่ได้เลือกตรงจุดนั้น แต่เชื่อว่า ธปท จะมีวิธีการดูแลค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในรูปแบบอื่นแทนการขึ้นดอกเบี้ย

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า โดยสรุป ความเห็นธปท.อัตราดอกเบี้ยอยู่ในภาวะขาขึ้น และเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ธปท. ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น เป็นการขึ้นอ่อนๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ให้เข็มเเข็ง และรับรู้ว่า ธนาคารพาณิชย์น่าเริ่มปรับดอกเบี้ยเป็นดอกเบี้ยขาขึ้นตามสัญญาณธปท.

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยธปท. เน้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นลำดับที่ 1 และ 2 การดูแลเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ และอยู่ในกรอบที่ธปท.ส่งสัญญาณว่าจะต้องดูแลเงินเฟ้อที่จะต้องใช้อัตราดอกเบี้ยไม่สูง และธปท.ส่งสัญญาณว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้นยังไม่ทำร้ายเศรษฐกิจและส่งนัยยะออกมาว่า ธปท.มีวิธีดูแลค่าเงินบาทโดยวิธีอื่น หรือ ธปท. ยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลค่าเงินบาท

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่า ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ธปท. กลับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการแข่งขันทางการค้าของภาคธุรกิจหรือไม่

นายธนวรรธน์ ระบุว่า การที่ประเทศไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น เป็นสิ่งที่นานาประเทศทำเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้อัตราเงินเฟ้อรายเดือนของไทยอยู่ที่ประมาณกว่า 7% โดยทั้งปีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 6.0-6.5% ขณะที่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ใช่คุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 3.5-4.0 % ซึ่งขณะนี้พบว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยเกินกรอบที่ได้วางไว้ ซึ่งธปท.จะต้องขึ้นดอกเบี้ย ส่วนประเทศอื่นๆที่ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจจะเป็นผลมาจาก ประเทศเหล่านั้นเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ หรืออัตราดอกเบี้ยยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ขณะที่อดีตผู้ว่าการธปท. ทั้ง 3 สมัยที่ผ่านมาเคย ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยของไทยควรปรับตามสถานการณ์ของประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆจะปรับตัวไปตามสถานการณ์ของประเทศนั้นๆ จะเห็นได้ว่า สหรัฐอเมริกา ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และบางประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 1% หรือ 0.5% ทั้งที่ประเทศเหล่านั้น เป็นประเทศที่มีธนาคารกลางอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาเเล้ว จึงเชื่อว่า ธนาคารกลางของไทยได้ตัดสินใจภายใต้ความเหมาะสมของประเทศไทย และไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งธปท.ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า การขึ้นดอกเบี้ยยังส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาเงินเฟ้อและเรื่องอื่นๆ

 

ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่านั้น นายธนวรรธน์ ระบุว่า ธปท.เลือกที่จะแก้ปัญหาโดยไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จะมีมาตรการอื่นๆ เข้ามาดูแลแทน ทั้งนี้ หากประเทศไทยมีปรับขึ้นดอกเบี้ยประเทศไทยจะมีความต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทย สหรัฐ และยุโรปมากขึ้น ซึ่ง ธปท.เลือกที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความต่างของอัตราดอกเบี้ยในจุดหนึ่ง

ซึ่งจะต้องมองว่า หากไทยปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ค่าเงินดอลลาร์ก็ยังคงเเข็งค่าเช่นเดิม แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความเจ็บปวดของธุรกิจไทยที่จะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เพราะสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยไปเกือบ 3% แต่ไทยขึ้น 0.50% จึงไม่มีทางที่ไทยจะปิดความห่างของอัตราดอกเบี้ยได้ ทำให้ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าอีก เพราะสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75-1.25 % ในช่วง 7 เดือนหลังจากนี้ ขณะที่ไทยไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วขนาดนั้น

ดังนั้น จะต้องทำให้ตลาดรับทราบว่า ประเทศไทยไม่ได้ใช้อัตราดอกเบี้ยในการแก้ปัญหาของอัตราแลกเปลี่ยน แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัว มีจำนวนนักท่องเที่ยว รวมถึงเม็ดเงินจากภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในไตรมาสที่ 4 และการส่งออกขยายตัวได้ดี ค่าเงินบาทจะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งตามกลไกของตลาด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น