นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 24 ชม. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ชุดปัจจุบันที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิวัยวุฒิ มากความรู้ความสามารถ ซึ่งมาจากหลากหลายองค์กร ประกอบด้วย ศาลปกครองสูงสุด 2 คน ศาลฏีกา 3 คน และ ผู้ทรงคุณวุฒิหลากสาขาอีก 4 คน ได้แก่ 1.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ จากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด 2.ศ.พิเศษ ดร.จิรนิติ หะวานนท์ จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 3.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 4.นายวิรุฬห์ แสงเทียน จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ จากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด 6.ศ.ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ 7.ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ 8.นายปัญญา อุดชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ 9.นายนภดล เทพพิทักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ จะต้องทำหน้าที่ครั้งสำคัญในชีวิต ในการตัดสินคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองครั้งสำคัญของผู้นำประเทศที่ชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนที่ 29 ของไทย หลังถูกส.ส.ฝ่ายค้าน 171 คนเข้าชื่อผ่านชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (3) สภามีมติไม่ไว้วางใจ และ มาตรา 158 วรรค 4 นายกฯจะดำรงตำแหน่งกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้
ตั้งแต่วันที่ฝ่ายค้านยื่นคำร้อง 17 ส.ค.2565 จวบจนวันศาลนัดอ่านคำวินิจฉัย 30ก.ย.2565 รวมความ 45 วันพอดี แต่ถ้าเอาเฉพาะตอนศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและสั่งให้บิ๊กตู่หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 24 ส.ค.2565 ก็ 38 วันแรก ที่พล.อ.ประยุทธ์ถูกแช่แข็งไม่ให้ทำหน้าที่สร.1 และก็เป็น 38 วันที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับเกียรติเป็นรักษาการนายกฯที่มีศักดิ์ศรีเทียบเท่านายกฯเลยทีเดียว ยังไม่รู้ว่าวันพิพากษาพรุ่งนี้มติของ “ 9 อรหันต์” ศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร เพราะไม่มีใครเดาใจทั้ง 9 คนได้ว่าตีความเรื่อง 8 ปีนายกฯอย่างไร แต่จากมติ 5:4 ที่ออกมาตอนช่วงสั่งพล.อ.ประยุทธ์พักการทำหน้าที่นายกฯ ก็ทำให้ฝ่ายกองเชียร์บิ๊กตู่หวั่นไหวเช่นกันว่าเสียงแตก เสียงตรงข้ามในทางลบทางให้โทษพล.อ.ประยุทธ์อาจมีมากกว่า ตรงนี้ก็ทำให้กองเชียร์ของลุงตู่แอบห่วงวันชี้ชะตาพล.อ.ประยุทธ์ กำหนดอนาคตประเทศในวันพรุ่งนี้ไม่น้อย เพราะอะไรๆก็เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตามถ้าดูจากปฏิกริยาของฝากฝั่งรัฐบาล โดยเฉพาะทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร 2 คีย์แมนคนสำคัญของรัฐบาลเรือแป๊ะต้องบอกว่า “เย็นใจ” และ “นิ่ง” กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ตลอด 38 วันที่ถูกแช่ฟีดตำแหน่งสร.1 เรียกว่าพยายามโลว์โปรไฟล์ไม่ออกมาทำอะไรหรือให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่จะเป็นการแทรกแซงศาลเลย แม้กระทั่งบรรดาลูกหาบขุนพลใกล้ตัวทุกคนก็วางตัว “ทรง” เดียวกับนายคือไม่ทำอะไรที่จะเป็นการไปกดดันศาล ในทางตรงข้ามกับแอ่นอกยอมรับการตัดสินใจของศาลทุกประการ ด้านลุงป้อมก็ออกมาให้กำลังใจน้องรักประกาศดีใจหาน้องตู่ได้กลับมา โดยไม่มีการเดินเกมไม่มีการเคลื่อนไหวใต้ดินใดๆที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์พบกับความยากลำบากในทางคดีที่กำลังจะตัดสินอยู่มะรอมมะร่อ ที่สำคัญฝ่ายกฎหมายใกล้ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งวิษณุ เครืองาม ดิสทัต โหตระกิต พล.ต.วิระ โรจนวาส ทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งทีมกฎหมายอื่นๆ รายล้อมบิ๊กตู่ ต่างมั่นใจว่ายังไงพล.อ.ประยุทธ์น่าจะได้ไปต่อสูง ด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิ การเป็นนายกฯครั้งแรกของบิ๊กตู่ มาด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ม.19 จากการเสนอชื่อของสนช. มีพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นคนรับสนอง
เพียงจุดเริ่มต้นที่มาก็ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ประการต่อมาการอ้างว่าบิ๊กตู่ขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 (3) เพราะอยู่เกิน 8 ปีตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค 4 ถ้าตั้งใจยึดบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ 2560 เป็น “สารัตถะ” สำคัญเป็นกติกาหลัง การนับวาระการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องนับจากการเป็นนายกฯที่มาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งดุ้น จะนับแบบศรีธนญชัย เอา มาตรา 158 เฉพาะวรรค 4 วรรคเดียวมาเชือดพล.อ.ประยุทธ์คงไม่ใช่ แค่นี้คำร้องของส.ส.ฝ่ายค้าน 171 คนที่ส่งมาก็ฟังไม่ขึ้นไปต่อไม่ได้อธิบายได้ยากแล้ว ยังไม่นับรวมเรื่องวิกฤติประเทศหากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ อย่าลืมว่าอีกเดือนกว่าๆ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียแปซิฟิกหรือ “เอเปก 2022” ที่กรุงเทพมหานคร ถามว่าถ้าบิ๊กตู่ไม่อยู่ใครจะเป็น “หัวเรือใหญ่” จัดการต้อนรับสุดยอดผู้นำโลก สี จิ้นผิงจะมา ปูตินจะเยือน ผู้นำโลกหลายเขตเศรษฐกิจจะมาคุยเรื่องใหญ่ๆในไทย ใครจะเป็นคนต้อนรับ ลุงป้อมคงไม่ไหว อนุทินก็คงไม่อยากมาเป็นมวยแทนแบบนี้ ชัยเกษมไม่ต้องพูดถึงไม่มีทางได้เป็น
เขียนแบบนี้ไม่ได้ต้องการไปกดดันศาลให้วินิจฉัยเป็นคุณเป็นบวกกับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรร่วมกัน แต่มั่นใจว่าการวินิจฉัยของ 9 อรหันต์ศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะออกไปในทางที่จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเคยกล่าวไว้ คำวินิจฉัยของศาลถ้าเป็นคดีใหญ่ๆที่ส่งผลกับประโยชน์ใหญ่หลวงของประเทศ ส่วนใหญ่ศาลจะวินิจฉัย เป็นคุณกับประเทศ คำวินิจฉัยส่วนใหญ่จะหาทางออกให้กับประเทศ ไม่ใช่พาประเทศไปสู่ทางตัน เคยได้ฟังแบบนี้ก็โล่งใจ อย่าลืมว่าคดีคำร้องที่จะวินิจฉัยในวันพรุ่งนี้ เป็นเรื่องของการตีความทางกฎหมายเรื่องการนับระยะเวลาการทำหน้าที่นายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ว่าสิ้นสุดหรือไม่ ฝ่ายค้านฝ่ายตรงข้ามฝ่ายแม้วมองว่าครบ 8 ปีแล้ว อ้างข้างๆคูๆว่าเริ่มนับตั้งแต่ไก่โห่ เริ่มจาก 24 ส.ค.2557 ถึง 23 ส.ค.2565 ทึกทักเอาเองว่าครบแล้ว
ทั้งๆที่ครั้งแรกบิ๊กตู่เป็นนายกฯจากรัฐธรรมนูญคนละฉบับ แถมยกเลิกไปแล้ว หนำซ้ำการเอากติกาใหม่มาฟันบิ๊กตู่ มาตรา 158 วรรค 4 ก็หยิบมาแค่แง่งเดียวไม่ได้เอามาทั้งหัวแต่หัวหมอจะเอาบิ๊กตู่ลงจากเก้าอี้บี้ให้หลุดนายกฯให้ได้ โหมโรงเล่นใหญ่กันเหมือนกับไปทำความผิดร้ายแรง โธ่ ไอ้บ้าบิ๊กตู่อยู่เป็นนายกฯมา 8 ปี เงินสักบาททองสักสลึงก็ยังไม่เคยโกงไม่เคยเอาเข้ากระเป๋า ประเทศชาติเจริญไปไหนต่อไหน น้ำไหล ไฟสว่าง ถนนหนทางดี บ้านเมืองสงบสุข สถาบันหลักปลอดภัย คนไทยผ่านวิกฤตมาไทยไหร่ ทั้งโควิด-19 ทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว มาจนถึงสงครามรัสเซีย -ยูเครน ไทยผ่านมาได้เพราะความสามารถของบิ๊กตู่ทั้งนั้น เร็วๆนี้ก็จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลก ไม่ใช่เป็นยามอย่างที่ทักษิณปากหมาด่าคนอื่นไปทั่ว คนพูดนั้นแหละตัวทำชาติวิบัติฉิบหายของจริง เพราะโกงสุดๆทุกโครงการทำประเทศเสียหายเป็นเสี่ยงๆ ก่อนเซาะบ่อนทำลายสถาบัน เอาชาติมาเป็นสมบัติของตระกูล สยามประเทศมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์คุ้มครอง คนชั่วต้องย่อยยับบรรลัยกัลป์ คนดีต้องมีที่ยืนต่อไปในสังคมคนเสียสละทุ่มเทต้องได้รับการปกป้องเชิดชู คนเขียนคิดแบบนี้ไม่งั้นชาติไทยไม่รอดจากพวกคนอุบาทว์ชาติชั่วมาจนถึงทุกวันนี้
///////