สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน โดยอ้างถึงคำเตือนที่ได้รับ จากพนักงานบริษัทโทรคมนาคม 4 คนว่า ปัญหาไฟฟ้าดับที่อาจเกิดขึ้นในสหภาพยุโรปในช่วงฤดูหนาวนี้ จะทำให้ผู้คนไม่มีสัญญาณมือถือที่เสถียรใช้ เนื่องจากตัวเก็บไฟสำรองที่มีอยู่ตามเสาสื่อสารนั้น ไม่เพียงพอสำหรับการหล่อเลี้ยงสัญญาณ ในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน และถึงแม้ว่าบริษัทมือถือต่างๆ จะสามารถหามาตรการต่างๆมาแก้ไขในเบื้องต้นได้ เช่นเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของกระแสไฟ หรือการอัพเกรดอุปกรณ์โครงข่าย เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้น แต่มีแนวโน้มว่า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากรัฐ ในการป้องกันการหยุดทำงานของสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
ตามการวิเคราะห์ของรอยเตอร์ ยุโรปมีเสาเครือข่ายมือถือประมาณ 5 แสนเสา ซึ่งส่วนใหญ่ติดตั้งแบตเตอรี่สำรองที่สามารถทำงานได้ประมาณ 30 นาทีเมื่อไฟดับ อ้างอิงตามคำพูดของผู้บริหารบริษัทเครือข่ายมือถือ ที่ไม่เปิดเผยชื่อคนหนึ่ง เขากล่าวว่า ยุโรปนั้นค่อนข้างจะสบาย และมีไฟฟ้าใช้อย่างดี จนทำให้มีการลงทุนใน พื้นที่กักเก็บพลังงานน้อยกว่าประเทศอื่นๆ
เมื่อสอบถามถึงการเตรียมพร้อม ในกรณีมีไฟฟ้าไม่เพียงพอ บริษัทเอเนดิส ผู้จัดจำหน่ายไฟฟ้าของฝรั่งเศส กล่าวว่า พวกเขา วางแผนที่จะตัดไฟ ที่อาจมีเวลานานถึง2 ชั่วโมง โดยมีการสลับระงับการจ่ายไฟให้ท้องที่ต่างๆ แต่ให้คำมั่นว่าในกรุงปารีส จะไม่มีการตัดไฟในโรงพยาบาลและสถานีตำรวจ อย่างไรก็ดีการจ่ายไฟให้เสาสัญญาณเครือข่ายมือถือนั้น ไม่ได้อยู่ในแผนข้อบังคับ ด้านการไฟฟ้าของฝรั่งเศสกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ลูกค้าจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังอธิบายว่า การแยกจ่ายไฟให้กับเสาสัญญาณ จากการจ่ายไฟให้ภาคส่วนอื่นๆนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
ส่วน PTS หน่วยงานกำกับดูแลด้านโทรคมนาคมของสวีเดนกล่าวว่า บริษัทกำลังเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยการ สั่งซื้อสถานีสัญญาณ และเครื่องปั่นไฟที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ด้านบริษัท ด๊อยเช่อ เทเลคอม ของเยอรมนีตั้งใจที่จะใช้เครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลหากไฟดับ ส่วนนายมาสซิโม่ ซาร์มี่ หัวหน้าฝ่ายล็อบบี้ของ แอสเทล บริษัทโทรคมนาคมอิตาลี บอกกับรอยเตอร์ว่า พวกเขาต้องการให้รัฐบาลยกเว้นเครือข่ายมือถือ จากการปันส่วนพลังงาน
ทั้งนี้ปัญหาไฟฟ้าดับที่ยุโรปกำลังจะต้องเผชิญในอนาคตนั้น เกิดขึ้นจากการตัดสินใจคว่ำบาตรพลังงานของรัสเซียเพื่อตอบโต้การทำสงครามของรัสเซียในยูเครน โดยสหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูง