นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ แห่งเยอรมนี ได้กล่าวในการงานแถลงข่าว เคียงข้างกับนายกรัฐมนตรี มาร์ก รัตต์ ของเนเธอร์แลนด์ ในระหว่างการประชุมสภาพภูมิอากาศระหว่าง 2 ประเทศ ที่จัดขึ้น ณ กรุงเบอร์ลิน ปฏิเสธคำวิจารณ์ของคณะกรรมาธิการยุโรป เกี่ยวกับกองทุนพลังงานมูลค่า 2 แสนล้านยูโร (ประมาณ 7.5 ล้านล้านบาท) ของเยอรมนี โดยกล่าวว่าแผนดังกล่าว รวมถึงการจำกัดราคาไฟฟ้าสูงสุด เป็นเรื่องที่ถูกต้องควรทำ และประเทศอื่นๆ ก็กำลังทำอย่างเดียวกัน เพื่อช่วยประชาชนและธุรกิจต่างๆ ในการรับมือกับค่าก๊าซและค่าไฟฟ้าที่สูงเสียดฟ้า พร้อมยืนยันว่า ราคาพลังงานต้องลดลง
ทั้งนี้การกล่าวของนายชอลซ์เกิดขึ้น เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสและเหล่าสมาชิกสำคัญของคณะกรรมาธิการยุโรป ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับ มาตรการของเยอรมนี ซึ่งช่วยเยอรมนีประเทศเดียว โดยนายเธียร์รี่ เบรอตง กรรมาธิการจากฝรั่งเศส และนายเปาโล เจนติโลนี จากอิตาลี ได้เรียกร้องให้มีเครื่องมือของยุโรป ที่สามารถช่วยเหลือทุกๆประเทศในสหภาพยุโรปได้ เช่นเดียวกับโปรแกรม SURE ซึ่งเป็นโครงการฟื้นฟูครั้งประวัติศาสตร์ มูลค่า 7 แสน 5 หมื่นล้านยูโร ซึ่งประเทศสมาชิก 27 ประเทศของสหภาพยุโรปร่วมกันปล่อยเงินกู้เพื่อช่วยเศรษฐกิจของยุโรปหลังโควิด-19
เมื่อถูกถามว่าเยอรมนีขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับสหภาพยุโรปหรือไม่ ชอลซ์ตอบว่าประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สาธารณรัฐเช็ก สโลวาเกีย และออสเตรีย จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนมหาศาลในการสร้างสถานที่เก็บก๊าซ LNG ที่ท่าเรือของเยอรมันด้วย
นอกจากนี้ นายคริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเยอรมนี ก็กล่าวถึงแผนพลังงานของเยอรมนี ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรปในลักเซมเบิร์กเมื่อวันอังคารเช่นกัน โดยเน้นว่า กองทุนมูลค่า 2 แสนล้านยูโร นั้นไม่ใช่เงินทุนสำหรับมาตรการระยะสั้น แต่เป็นกองทุนที่จะดำเนินงานจนถึงปี 2024 พร้อมกล่าวว่า เขาไม่คิดว่าการอนุมัติการกู้ยืมร่วมกันรอบใหม่จะเป็นวิธีแก้ปัญหา ส่วนนายชอลซ์และนายรัตต์ ก็ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาการกู้ยืมร่วมใหม่ เนื่องจาก เงินจำนวนมหาศาลจากกองทุนฟื้นฟูโควิด-19 นั้น ยังไม่หมดลง