ถามว่าในบรรดาพรรคการเมืองที่กำลังโรมรันพันตูเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. และเดินเกมช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคการเมืองพรรคไหน “เนื้อหอม” โดนรุมตอมมากที่สุด ถ้าเป็นการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน 24 มี.ค.2562 ก็ต้องเป็นพรรคพลังประชารัฐ เพราะตอนนั้นประกาศชู “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯสมัยสอง แต่มารอบนี้ปีหน้าเที่ยวต่อไปไม่มีพรรคการเมืองใดในพ.ศ.นี้จะร้อนแรงไปกว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ภายใต้การกำกับดูแลของ “เสี่ยเน” เนวิน ชิดชอบ ที่ล่าสุดประกาศตัวเป็น “ครูใหญ่เนวิน” ขอส่งลูกศิษย์ที่เป็นน้องรักคนใกล้ชิดอย่างอนุทินชิงนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย
งานนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ไกลเกินฝันของอนุทิน เพราะล่าสุดลูกพี่เนวินถึงกลับประกาศประกาศิต การเลือกตั้งคราวหน้า พรรคภูมิใจไทยจะแลนด์ถลาแบบบุรีรัมย์ ตั้งเป้าเบาๆแค่ 120 คนพอ แต่มั่นใจด้วยส.ส.จำนวนนี้จะดันอนุทินเป็นสร.1 คนต่อไปรับไม้ต่อจาก “พี่ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนปัจจุบันได้แน่นนอน ระดับพี่เนพูดการเมือง 10 ปีออกมาพูดยาวๆสักครั้ง คงไม่กล้าพูดส่งเดชให้เสียราคา “พ่อใหญ่เนแห่งบุรีรัมย์” แถมรอบนี้จัดงานวัดเกิดใหญ่โต นำช้าง 15 เชือกร่วมพิธีประกำช้างเสริมสิริมงคลแก่ตัวเอง ครอบครัว พรรคภูมิใจไทย เชิญสื่อไปเป็นสีกขีพยานจัดงานวันเกิด แค่นั้นไม่พอยังเรียกส.ส.ที่ต้องการย้ายพรรคมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยในคราวหน้ามา “เชคชื่อ” เปิดตัวให้สื่อเห็นกันแบบจะๆ งานนี้มีส.ส.ต่างพรรคนับรวมกันแล้วถึง 28 คนเดินทางไปร่วมอวยพรวันเกิดเนวิน พรรคเพื่อไทย 10 คน พรรคพลังประชารัฐ 7 คน พรรคก้าวไกล 5 คน พรรคเศรษฐกิจไทย 3 คน พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน พรรคเพื่อชาติ 1 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน
ดูทรงตามคนที่ปรากฎตัวอย่าคิดว่าเรื่อง 120 คนจะเป็นไปไม่ได้นะ อย่าลืมว่าปัจจุบันอนุทินมีส.ส.พรรคภูมิใจไทยในมือ 63 คน ถ้าบวกกับ 28 ที่โผล่หน้าไปงานวันเกิดพี่เนรวมกันก็ 91 คน ขาดแค่ 29 คนเท่านั้นจะถึงเป้าหมาย 120 คนที่ครูใหญ่เนวินประกาศคำมั่นไว้ ซึ่งดูทรงแล้วไม่ใช่เรื่องยากที่พรรคภูมิใจไทยจะทำได้ เพราะใกล้ๆเลือกตั้งหากมีการประกาศยุบสภา เชื่อว่าคงมีส.ส.หลายพรรคเฮโลมาอยู่กับเสี่ยหนูอีกเพียบแน่นอน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่เลือกตั้งเที่ยวหน้าหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคอีสาน จากเดิมมี 116 เขต เที่ยวหน้าจะเพิ่มเป็น 136 เขต พรรคภูมิใจไทยคงเปิดศึกชิงเมืองกับพรรคเพื่อไทยแบบเต็มๆ 20 จังหวัด 136 เขต สู้กันทุกพื้นที่ อย่างที่ทุกคนทราบใครชนะอีสานคนนั้นได้เป็นรัฐบาล ใครได้ใจพี่น้องคนไทยใน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือคนนั้นได้เป็นนายกฯ ไม่แปกลที่รอบหน้าภาคอีสานจะสู้กันดุเดือดเลือดพล่านแน่นนอน พรรคเพื่อไทยรอบก่อนได้อีสานไป 84 คน พรรคภูมิใจไทย 16 คน พรรคพลังประชารัฐ 11 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคก้าวไกล (อนาคนใหม่) ได้ไปพรรคละ 1 คน แต่เที่ยวหน้ามีผู้เล่นใหม่มาเพิ่มอย่างพรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เข้ามาร่วมแบ่งเค้กอีกหนึ่งพรรค แถมเป็นประเภทหน้าใหม่มาแรงด้วย งานนี้คงฟัดกันสนุกในพื้นที่อีสานเรียกว่าลุกเป็นไฟแทบทุกเขต
อย่างไรก็ตามแต้มต่อหรือแฮนดิแคปทางการเมือง ก็คงหนีไม่พ้นพรรคภูมิใจไทย เพราะเลือกตั้งรอบหน้าถึงพร้อมด้วยบารมีทั้งในและนอกสภา ทั้งของพี่เน เสี่ยหนู แม้กระทั่ง “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เจ้าของรหัส “ราชรถ1” ก็สร้างผลงานไว้มาก ส่วนกระสุนดินดำก็ตุนไว้พร้อมสรรพเรียกว่ามีคลังเป็นของตัวเองตุนเสบียงไว้เพียบ เรื่องกระแสไม่ต้องพูดถึงเพราะขี่กระแสได้ใจชาวบ้านทุกเรื่อง ทั้งเรียนฟรี ปลอดหนี้กยศ. ปลดล็อคกัญชาเสรี โควิด-19 ก็ไม่มีแล้ว ฯลฯ แถมระยะหลังลงพื้นที่เสี่ยหนูก็ได้คะแนนได้กำลังใจจากชาวบ้านทุกพื้นที่แบบ “วิน-วิน” บวกไปหมดทุกเขตที่ปักหมุด ไม่ว่าจะอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ พรรคภูมิใจไทยรุกคืบตีกินเข้าไปหมดในเขตพื้นที่ซึ่งตัวเองตั้งเป้าและคิดว่าจะชนะเลือกตั้งได้
จำได้ไหมก่อนหน้านี้อนุทินเคยประกาศพร้อมเป็น “ขั้วใหม่” ทางการเมืองในการเลือกตั้งคราวหน้า ชัดเจนว่าเสี่ยหนูคงมองว่าหนึ่งโอกาสพล.อ.ประยุทธ์จะไปต่อมีน้อยหรือไม่มาก เพราะเหตุเหลือเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯแค่ 2 ปีเศษเท่านั้น ประการที่สองพรรคพลังประชารัฐก็ไม่อยู่ในช่วงที่ได้รับความนิยมเหมือนเก่าก่อน เพราะมีปัญหากันเองในพรรคจนเละตุ้มเป๊ะกันไปหมด แถมอนาคตก็ยังไม่รู้ว่า 98 คนที่อยู่ในมือของพล.อ.ประวิตรถึงเวลาจริงๆจะเหลือสักกี่คน แต่ดูตามสภาพการณ์ ณ ตอนนี้เป็นไปได้ยากจริงๆ ที่พรรคพลังประชารัฐจะเข็นส.ส.ให้ได้ถึง 116 คน เหมือนการเลือกตั้งคราวก่อน ยิ่งถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ไปต่อเชื่อว่าพรรคจะยิ่งไร้ “จุดขาย” ทางการเมือง หนักหน้าเข้าไปอีก เผลอๆมีแต่ทรงกับทรุดไปหน้า
เพราะฉะนั้นในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐกำลังออกทะเล จึงเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่พรรคภูมิใจไทยจะชิงจังหวะ ชูสโลแกน “พูดแล้วทำ” ผงาดขึ้นเป็นผู้นำขั้วการเมืองใหม่ ตั้งตัวเป็นแกนนำรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามกับทักษิณ จังหวะการเมืองดีๆแบบนี้ โอกาสทองแบบที่ว่า เรื่องแบบนี้คอการเมืองมองออกทำไม พี่เนเสี่ยหนูจะมองไม่ทะลุ ด้วยเหตุนี้เลือกตั้งทั่วไปปี 2566 คือ “นาทีทองฝังเพชร” ของเสี่ยหนูของพรรคภูมิใจไทยของครูใหญ่เนวินจริงๆ เพราะทุกอย่างมีครบและพร้อมสรรพ ทุบส.ส.เพื่อไทยในอีสานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แบ่งแยกส.ส.พรรคนายห้างให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เบรกแลนด์สไลด์หยุดทักษิณเดินเกมกลับบ้านฝันที่ลูกศิษย์อย่างเสี่ยหนูจะขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่สมใจครูใหญ่เนวินก็อยู่แค่เอื้อม
//////////////////////////////