ปี่กลองเลือกตั้งโหมโรงเข้ามาทุกขณะ หลังกกต.ออกประกาศข้อห้ามพรรคการเมืองและผู้สมัครของพรรคการเมือง ที่เป็นการนับถอยหลัง 180 วัน เมื่อ 24 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา ก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 มี.ค.2566 ซึ่งจะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไป ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นการเลือกตั้งที่จะมาถึงในเวลาอันใกล้ ที่ตอนนี้เหลือระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือนมีแนวโน้มว่าจะรู้แน่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างที่ทราบว่าหลัง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม หลุดบ่วงตีความ 8 ปีการนับวาระการทำหน้าที่นายกฯไปแล้ว ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ายังเหลือเวลาเป็นนายกฯได้อีก 2 ปีเศษ ตรงนี้ก็ทำให้ความอึมครึมในตัวผู้นำประเทศหายไป
จากนี้ก็เหลือเพียงแต่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจอนาคตของตัวเองอย่างไร จะกลับบ้านประกาศพอแล้วไม่เอาแล้วเหมือน “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หรือ เลือกที่จะเล่นการเมืองต่อซึ่งก็ต้องไปลุ้นว่าเลือกตั้งคราวหน้า จะยังได้รับความนิยมจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศให้ไปต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตามในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต การเลือกตั้งก็เดินเข้ามาทุกขณะงวดมาทุกที ตรงนี้แหละที่ทำให้หลายพรรคการเมืองเร่งเร้าอยากให้มีการปรับครม.เพื่อเสริมกำลังเสริมเขี้ยวเล็บให้กับพรรคตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงที่เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนจะถึงการเลือกตั้ง เป็นธรรมดาที่ทุกพรรคต้องการจัดทัพปรับคนให้เหมาะกับช่วงโค้งสุดท้ายของการเมือง เพื่อรองรับการยุบสภาและการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ดูเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ของ “นายหัวอู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะออกตัวเรื่องนี้มากกว่าใครเพื่อน ถึงขนาดจุรินทร์ขอคุยนอกรอบกับบิ๊กตู่เพื่อแจ้งความประสงค์ในการขอปรับครม.แล้ว ด้วยเหตุที่ก่อนหน้านี้ทางนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทยได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อไปสู้คดีสมัยเป็นนายกฯอบจ.สงขลาที่ยังมีเรื่องคาราคาซังอยู่ในศาลจึงไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลังจึงไขก๊อกลาออกไป ตำแหน่งเก้าอี้เสนาบดีของพรรคเลยว่างอยู่ 1 ตัว แถมยังเป็นเก้าอี้รมช.มท.ที่สำคัญยิ่งสำหรับการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต เพราะฉะนั้นยังไงเสียก็คงจะต้องขอให้พล.อ.ประยุทธ์ปรับครม.แน่นอนไม่งั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเสียประโยชน์เพราะขาดโควต้ารัฐมนตรีสำคัญไป 1 ตัว ขณะที่อีกด้านก็มีการปล่อยข่าวจะริบเก้าอี้ “เสี่ยไก่” จุติไ กรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ใครก็รู้ว่าอยู่คนละขั้วกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรคปัจจุบันกลับมา แต่ล่าสุดนิพนธ์ยืนกรานไม่มีเรื่องพรรค์อย่างว่าที่จะทำให้พรรคมีปัญหา หากจะปรับครม.จริงๆ ก็คงมีแค่ตำแหน่งเดียว งานนี้ยังไม่รู้ว่า “ส้มหล่น” จะไปออกที่ใคร แต่จะมีการหารือประชุมกก.บห.พรรคในวันที่ 12 ต.ค.นี้ รายชื่อที่ถูกพูดถึงก็มี นริศ ขำนุรักษ์ ได้อาวุโสเรื่องพรรษาเพราะเป็น ส.ส.พัทลุงมาแล้ว 5 สมัย แต่ก็ต้องวัดดวงกับ ชินวรณ์ บุญยเกียรติ อดีตรมว.ศึกษธิการ ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย ที่อยากคัมแบ๊กกลับมาเป็นเสนาบดีอีกครั้ง รวมถึง “นายกฯชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา รองหัวหน้าพรรคภาคใต้คนล่าสุด ที่ก็มีลุ้นเช่นกันแม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธว่าพรรษายังน้อยผลงานยังไม่มีขอผ่านรอบนี้ก่อน แม้กระทั่ง “สาวสิงห์” อย่าง “ตั๋น” จิตภัสร์ กฤดากร ก็มีลุ้นเป็นตาอยู่เช่นกัน
ข้ามฝั่งมาที่พรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล อย่างที่ทราบว่ามีรัฐมนตรี 1 คน ถูกหางเลขให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านี้ก็คือ “ครูโอ๊ะ” กนกวรรณ วิลาวรรณ รมช.ศึกษาธิการ กรณีบุกรุกป่าเขาใหญ่ ในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี ร่วมกับพ่อ คือ สุนทร วิลาวรรณ เพราะฉะนั้นภูมิใจไทยจึงมีรัฐมนตรีขาดหายไปหนึ่งตัว แต่ดูเหมือนอนุทินไม่ยินดียินร้ายที่จะปรับครม.แต่อย่างใด คือปรับก็ได้ไม่ปรับก็ไม่เป็นไร เพราะกนกวรรณถูกศาลสั่งพักงานไม่ได้ถูกพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด จู่ๆจะเร่งปรับครม.เอาคนที่เคยช่วยงานเป็นมือเป็นไม้ออกไปก่อนที่ผลคดีจะตัดสินรู้เรื่องก็ดูกระไรอยู่โหดร้ายเกินไป เพราะฉะนั้นพรรคเสี่ยหนูจังไม่กระสันที่อยากจะปรับครม.ในคราวนี้แต่อย่างใด หรือหากต้องปรับจริงๆ คนที่มีลุ้นก็มี 1. บุญลือ ประเสริฐโสภา อดีตรมช.ศึกษาธิการ 2. ชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี 5 สมัย และ 3.นภินทร ศรีสรรพางค์ เจ้าของตลาดศรีเมือง เมืองราชบุรี ก็คงไม่หนี 3 ชื่อนี้ที่จะชิงกัน
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องปรับครม.ดูเงียบเหงากว่าใครเพื่อน ทั้งๆที่ความจริงมีรมต.พ้นตำแหน่งไปแล้ว 2 คนก่อนหน้านี้คือ “ผู้กองนัด” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ กับ “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน แต่ก็ยังไม่มีการตั้งใครมาเพิ่ม เที่ยวนี้คนที่ถูกเขย่ามากสุด ล้วนเป็นบรรดาสายตรงไทยคู่ฟ้า คนแรกก็คือ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล ที่กลายเป็นเงาข้างกายบิ๊กตู่ไปแล้ว ข่าวว่าทำให้ทุนใหญ่คนใกล้ชิดอย่าง “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ที่เป็นคนส่งเข้าประกวดไม่ปลื้มเพราะตีตัวออกห่างเลยพาลส่งสัญญาณให้ลุงป้อมเปลี่ยนตัว อีกคนก็คือ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ที่ถูกมองว่าเป็นสายตรงบิ๊กตู่มากกว่าเด็กป้อม
แม้กระทั่งเก้าอี้ของ “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 ก็ถูกปล่อยข่าวว่าอาจมีการเขย่าปรับทัพกันใหม่ ด้วยสูตรเดิมที่เคยมีการพูดกันมาแล้วก่อนหน้านี้ คือการขยับบิ๊กป๊อกไปเป็นรมว.กลาโหม แล้วเอาลุงป้อมลงมาเป็นรมว.มหาดไทยคุมผู้ว่าฯ 76 จังหวัด กำกับดูแลการเลือกตั้งด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเรื่องการปรับครม.จะออกหัวออกก้อย ปรับเล็กหรือปรับใหญ่ หลักๆก็คงต้องรอสัญญาณไฟเขียวจากพล.อ.ประยุทธ์ก่อน ว่าจะปรับตอนไหนอย่างไร ดูทรงแล้วคงไม่ใช่เร็วๆนี้ เพราะตอนนี้ค่อนประเทศน้ำท่วมมิดคอ คนเดือดร้อนครึ่งประเทศ จ่อจะซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 2554 จู่ๆจะมาทะเลาะมาคุยเรื่องปรับครม.ก็ใช่เรื่อง แถมยังมีปัญหาแทรกซ้อนเรื่องอมนุษย์ก่อเหตุสังหารโหดเด็กและคนบริสุทธิ์อีก 37 ชีวิต เจ็บนับสิบคน เจอแบบนี้ไปบิ๊กตู่คงทิ้งเรื่องการเมืองออกจากหัว ในใจคงมีแต่เรื่องของชาวบ้านกับความเดือดร้อนของผู้คนเป็นหลัก เรื่องปรับครม.เรื่องการเมืองเรื่องเลือกตั้งคงเก็บเข้าลิ้นชักไปหมด สถานการณ์ดีขึ้น คลื่นลมสงบคงค่อยหยิบขึ้นมาว่ากันอีกที แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นอน
/////////////////////