ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกทีเป็นธรรมดาที่พอจะถึงวัน ว. เวลา น. ที่จะมีการเลือกตั้ง กระแสเรื่องของการย้ายพรรคเปลี่ยนเสื้อก็จะมีมากขึ้นเป็นธรรมดา โดยเฉพาะกับพรรคที่สถานะทางการเมืองง่อนแง่นไม่มั่นคงก็จะถูกมรสุมถูกโจมตีด้วยเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ โดยส่วนใหญ่พรรคที่จะถูกกระแสคนไหนพรรคย้ายออกหรือเลือดไหล ส่วนมากล้วนเป็นพรรคขาลงที่มีปัญหาขัดแย้งภายในหรือความนิยมตกต่ำ เลยทำให้บรรดาส.ส.ที่เป็นเหมือนพวก “นกรู้” ต้องดูทางหนีทีไล่ของตัวเองไว้ก่อน หากเห็นว่าบ้านที่อยู่ปัจจุบันเก่าซอมซ่อผุพังก็เป็นธรรมดาที่จะต้องหาพรรคใหม่เกาะ
เรื่องพรรค์อย่างนี้ทุกพรรคก็เคยเจอต้องมีชะตากรรมแบบนี้หมด ขาขึ้นคนก็ชื่นชมแต่พอขาลงคนก็หนีหาย ไม่เว้นแม้แต่พรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อดีตเลือกตั้งคราวที่แล้ว 24 มี.ค.2562 เคยได้คะแนนทั่วประเทศถึง 8,452,634 คะแนน กวาดส.ส.ไปได้มากถึง 116 คน แบ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19 คน ส.ส.เขต 97 คน (กทม.12 คน กลาง 40 คน อีสาน 11 คน เหนือ 21 ใต้ 13 คน ) แต่มาวันนี้ผ่านมาไม่ถึง 4 ปี สภาพพรรคพลังประชารัฐดูชำรุดทรุดโทรมไปมาก อ่านจากพาดหัวตัวไม้ของสื่อที่เสนอข่าวเรื่องพลังประชารัฐส่อเค้า “พรรคแตก” เพราะหลายมุ้งรอเวลาตีจากชิ่งหนีไปหมด ข่าใหญ่การเมืองวันนี้พาดหัวทางเดียวกัน “ สะพัด 5 ส.ส.กทม. จ่อชิ่งพปชร.ซบ ภท.-พท. ด้านกลุ่มพ่อมดดำส่อรีเทิร์นเพื่อไทย กลุ่มคุณปลื้มไปแน่ฟื้นพลังชล ส่วน 6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำ จ่อเก็บกระเป๋าย้ายบ้าน ” ชัดเจนว่ามีแต่ข่าวร้ายข่าวลบเกิดขึ้นในพรรคไม่เว้นแต่ละวัน
ย้อนอดีตไปสัปดาห์ที่แล้ว กรณีปรากฎข่าวส.ส.ต่างพรรคจำนวน 29 คน ปรากฎตัวร่วมงานวันเกิดครบรอบ 64 ปี “ครูใหญ่เน” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่นปราสาทสายฟ้า ในจำนวนนั้นมีส.ส.เพื่อไทย 10 คน อันนี้ไม่แปลกเพราะพวกที่ต้องการหนีพรรคทาสนายทุนไม่อยากเป็นสมุนดูไบไม่ต้องการเป็นฝ่ายค้านต่อเลยหนีไปพึ่งใบบุญพรรคเสี่ยหนู แต่ที่แปลกงานเดียวกันดันมีส.ส.พรรคพลังประชารัฐสายอีสานและภาคกลาง ไปร่วมงานด้วยถึง 8 คน ประกอบด้วย 1.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท 2.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 3.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม 4.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก 5.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี 6.นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี 7.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี 8. นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี โผล่ไปเชคชื่อให้เนวินเห็นหน้า ข่าวว่าล็อตนี้แค่เบื้องต้นเท่านั้นในการไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยข่าวว่าอนาคตยังมีอีกหลายคนที่อยากตามไปอีก เพราะอยู่กับพรรคเสี่ยหนู กระแสดี กระสุนเพียบ มีโอกาสกลับมาสภาเป็นส.ส.ได้ง่ายๆ ต่างกับอยู่พรรคเก่าบ้านหลังเดิมเพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้จะเอาใครเป็นหัวชูเป็นนายกฯ
นอกเหนือจากก๊วนส.ส.กลาง-อีสาน ที่จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย แว่วว่าส.ส.กทม. หลายคนของพรรคพลังประชารัฐก็เตรียมแพแตกย้ายออกจากพรรคเช่นกัน กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เคยอยู่ก๊วน “เสี่ยปี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำพลังประชารัฐเมืองหลวงที่โดนคดี ก่อนถูกพรรคเสี่ยหนูทาบมาช่วยดึงคะแนนจากคนกทม. ที่ฝ่ายเสี่ยบีก็ไม่ทำให้ “เสี่ยเน-เสี่ยหนู” ผิดหวัง เพราะทำการเมืองในทางลับตลอด ล่าสุดก็เตรียมดึงส.ส.กทม.อย่าง นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ประธาน ส.ส.กทม. นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึงบรรดาอดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐอีกหลายคนย้ายตามมาซบไออุ่นที่พรรคภูมิใจ ขณะที่น.ส. กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. อาจสวิงสลับขั้วไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยเลย
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวส.ส.กลุ่มปากน้ำ 6 คน ประกอบด้วย 1. นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก 2. นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ 3. .ส.ภริม พูลเจริญ 4. นายยงยุทธ สุวรรณบุตร 5. นายอัครวัฒน์ อัศวเหม และ 6. นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อดีตเคยก่อวีรกรรมลงมติไม่ไว้วางใจ “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมถึงมีปัญหาขบเหลี่ยมในพื้นที่เรื่องการส่งตัวผู้สมัครกับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรคพลังประชารัฐ อย่าลืมว่า 6 ส.ส.ปากน้ำอยู่ใต้ร่มเงาของ “เสี่ยเอ๋” ชนสวัสดิ์ อัศวเหม เจ้าพ่อปากน้ำ และเสี่ยเอ๋ก็เป็นเกลอซี้ย่ำปึกกับ “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรีด้วย ที่ในวงการก็รู้กันอยู่ว่าสุชาติไม่ลงรอยกับ “สนธยา-ชนสวัสดิ์” เรื่องการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติ ตรงนี้จึงอาจทำให้ส.ส.กลุ่มปากน้ำ 6 คนอยากย้ายออกจากพรรคเช่นกัน แม้จะเกรงใจพล.อ.ประวิตรที่รับปากว่าจะหาตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ตัวเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งไม่ให้ไป และเพราะเหตุความขัดแย้งระหว่าง “บ้านใหญ่บางแสน” กับ “บ้านใหม่ชลบุรี” หนักหนาเกินกว่าจะจับมือกันได้ ถึงขนาดเคยมีวิวาทะผ่านทางเฟซบุ๊ค “มันอยากสร้างอาณาจักร- หมาไม่ทิ้งเจ้าของ ถ้ามันไม่โดนทำร้าย” และเพราะเรื่องนี้เลยทำให้มีการมองกันว่า อนาคตกลุ่มชลบุรีสาย “บ้านใหญ่บางแสน” ของสนธยาไม่มีทางไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐแน่นอน ตราบใดที่แม่ทัพภาคตะวันออกของพรรคพลังประชารัฐยังชื่อสุชาติ ข่าวว่าถ้าไม่กลับไปร่วมหอลงโรงกับพรรคชาติไทยพัฒนาของ “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ก็อาจขุดพรรคพลังชลขึ้นมาทำเองอีกครั้งแต่ย้ายบ้านแน่นอน
อีกก๊วนที่เตรียมเปิดตูดหนีพรรคพลังประชารัฐทิ้งลุงป้อมเช่นกันก็คือก๊วน “บ้านริมน้ำ”ของสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็อย่างที่รู้ว่าที่ผ่านมาพ่อมดดำ วางตัวเป็น “ปฏิปักษ์” กับพล.อ.ประยุทธ์มาตลอด ในทางลับและทางแจ้ง ด่าตรงๆในสภาก็ทำมาแล้ว พูดลับหลังไม่ต้องถามถึง สุชาติแสดงตัวอยากกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทยไปช่วยเหลือนายใหญ่นักโทษที่ชื่อทักษิณมาตลอด เพราะเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงกันมานมนานเลือกตั้งเที่ยวหน้าก็คงไปแน่เพราะด่าบิ๊กตู่มาตลอด ทั้งหลายทั้งมวลคือกระแสข่าว “เลือดไหล” ออกจากพรรคพลังประชารัฐ มีความพยายามจะปล่อยข่าว “พรรคแตก” เขย่าพรรคพลังประชารัฐ ด้านหนึ่งก็เพื่อเร่งให้บิ๊กตู่ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรแน่ จะไปต่อทางการเมืองหรือจะเลิกแล้วกลับบ้านเพราะคาราคาซังแบบนี้คนอื่นตัดสินใจลำบาก อีกด้านก็เพื่อให้พรรคเกิดความชัดเจนว่าที่สุดพรรคพลังประชารัฐจะชูใครเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคกันแน่ จะให้บิ๊กตู่หรือลุงป้อมเป็นเบอร์ 1 หรือ เบอร์ 2 ก็ต้องรีบบอกมา ส.ส.ในพรรคจะได้รู้ทิศทางว่าผู้ใหญ่ในพรรคจะเอาไง จะได้หาทางหนีทีไล่ถูก อึมครึมแบบนี้ไม่ดีกับทุกฝ่ายทั้งนายกฯทั้งลุงป้อมทั้งพรรคมีแต่เสียกับเสีย ส่วนพวกที่ได้ประโยชน์จากกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐเลือดไหลหรือพรรคแตกก็มีอยู่ไม่กี่ฝ่าย พรรคไหนอยากตกเขียวได้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐไปเป็นฐาน ถ้าไม่ใช้พรรคภูมิใจไทยก็มีแต่พรรครวมไทยสร้างชาตินั้นแหละ ส่วนพรรคลุงป้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จะเลือดไหลไม่หยุด จะมีส.ส.เฮโลย้ายออกแบบข่าวที่เขียนกันหรือไม่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน
////////////////////////
