เกษตรกรที่เลี้ยงวัวในพื้นที่บ้านหัวป่าเขียว ม.7 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง หลายราย กำลังประสบกับปัญหาวัวตายโดยไม่ทราบสาเหตุ หวั่นเป็นโรคระบาดลัมปีสกิน ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ นายบุญช่วย รักษ์จุล อายุ 62 ปี เกษตรกรเลี้ยงวัวในพื้นที่ เล่าว่า ตนเลี้ยงวัวสายพันธุ์พื้นบ้านและวัวสายพันธุ์ชาโลเล่ไว้ จำนวน 13 ตัว และเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา วัวที่ตนเลี้ยงไว้เกิดล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุ วัวที่ตายทุกตัวพบมีอาการเหมือนกัน คือ ตัวแข็ง ปากแข็ง เบื่ออาหาร เริ่มซูบผอม หลังจากนั้นประมาณ 6 ถึง 7 วัน วัวก็จะตาย ล่าสุดพบวัวสายพันธุ์ชาโลเล่ เพศเมียอายุ 6 ปี เริ่มมีอาการตัวแข็ง ปากแข็ง เบื่ออาหารและเริ่มซูบผอมอีกตัว ยอมรับว่าตอนนี้เครียดและกังวลมาก อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เข้ามาช่วยเหลือ และตรวจสอบว่าวัวในพื้นที่เป็นโรคระบาดลัมปีสกินหรือไม่ หลังจากนั้นนายบุญช่วยฯ ก็พาไปดูวัวของเกษตรกรอีกรายที่มีอาการคล้ายๆกัน
นางสมพร จันทร์อินทร์ อายุ 52ปี เกษตกรอีกราย เลี้ยงวัวสายพันธุ์พื้นบ้านไว้ จำนวน 23 ตัว แต่พบว่ามีวัวเพศผู้ อายุประมาณ 1ปีครึ่ง มีแผลไหม้พุพองบริเวณใบหูทั้งสองข้าง มีอาการ ซึม เบื่ออาหาร ตนจึงแยกวัวตัวดังกล่าวออกจากฝูงวัวทั้งหมด เพื่อสังเกตดูอาการ และรักษาตามวิธีหมอชาวบ้าน โดยให้กินถั่วเขียวต้มและป้ายยาสีม่วงไว้เบื้องต้น สำหรับในพื้นที่บ้านหัวป่าเขียวพบเกษตรกรที่เดือดร้อนแล้ว จำนวน 6-7 ราย วัวตายไปแล้ว จำนวน 15 ตัว
ทางด้านปศุสัตว์อำเภอควนขนุน หลังจากได้ทราบข่าวก็จะเร่งลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่รับผิดชอบคอยแนะนำแก่เกษตรกรที่เลี้ยงวัว ให้มีการจัดการควบคุมแมลงพาหะนำโรคเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคในพื้นที่ต่อไป.
แสงอรุณ แดงมณี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.พัทลุง