ทนายแจงเหตุผู้ถือหุ้นฟ้อง “อาญา-แพ่ง” กสทช.ผนึก TRUE-DTAC ล่าช้า

ทนายแจงเหตุผู้ถือหุ้นฟ้อง "อาญา-แพ่ง" กสทช.ผนึก TRUE-DTAC ล่าช้า

จากกรณี สภาองค์กรของผู้บริโภค โดยการนำของ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการฯ และ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาองค์กรของผู้บริโภค เดินหน้าเรียกร้องให้กสทช. ทำหน้าที่ปกป้องสิทธิผู้บริโภค โดยการใช้อำนาจพิจารณาตัดสินใจ คำร้องขอควบรวมธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า บทบาทสำคัญของกสทช.ในเรื่องการดูแลผู้บริโภค คือ การทำให้ดูแล ควบคุม การให้บริการ โทรศัพท์ หลังการเปลี่ยนผ่าน เป็นไปอย่างเหมาะสม อาทิเช่น ไม่มีการคิดค่าบริการอย่างไม่เป็นธรรม เท่านั้น พร้อมยืนยันจะฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ถ้าเกิดกรณีกสทช. มีความเห็นให้เกิดกระบวนการควบรวมธุรกิจ ระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC

ต่อมา นายเพทาย วัฒนศิริ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากผู้ถือหุ้นรายย่อย TRUE ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการ กสทช. ทั้ง 5 ราย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สืบเนื่องมาจาก กสทช.ยังไม่พิจารณาอนุญาตการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE กับ DTAC หรือพิจารณาล่าช้า โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล และศาลจะมีคำสั่งเกี่ยวกับคดีต่อไป

โดยให้เหตุผลว่า ความล่าช้าของคณะกรรมการ กสทช. เพราะการเลื่อนพิจารณาการควบรวมธุรกิจ TRUE กับ DTAC ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือหุ้น ทั้งที่ประกาศ กสทช. เกี่ยวกับการรวมธุรกิจ กำหนดระยะเวลาไว้ชัดเจนว่าให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ได้รับใบอนุญาตยื่นต่อเลขาธิการ กสทช.

และยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่ม หรือ Class Action เพื่อดำเนินการฟ้องร้องเป็นค่าเสียหายต่อ คณะกรรมการ กสทช. , เลขาธิการ สำนักงาน กสทช. และสำนักงาน กสทช. รวม 7 ราย ในข้อหาละเมิด จงใจปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกฎหมาย และขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย อันเนื่องมาจากการพิจารณารายงานการรวมธุรกิจของ TRUE กับ DTAC และการมีมติรับแจ้งการรวมธุรกิจให้เป็นไปตามที่ประกาศ กสทช.กำหนดนั้นเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่มีเหตุผลอันสมควร

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด มีลักษณะจงใจปฏิบัติหน้าที่ให้ผู้ถือหุ้น TRUE ได้รับความเสียหาย หรือ ละเลยไม่คำนึงถึงประชาชน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่จะได้รับประโยชน์จากการเสนอซื้อหุ้นของบริษัท ซิทริน โกลบอล จำกัด และ Citrine Venture SG Pte Ltd. ตามขั้นตอนการควบรวมธุรกิจ ทำให้โจทก์และผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TRUE กว่า 80,000 ราย ได้รับความเสียหาย มูลค่าประเมินเบื้องต้นกว่า 160,000 ล้านบาท

ล่าสุด นายเพทาย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าว TOP NEWS อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผล การยื่นฟ้องกรรมการกสทช.เป็นคดีอาญา ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เหตุผลสำคัญ เพราะผู้ถือหุ้นเห็นตรงกันว่า การทำหน้าที่ของ กสทช.และผู้เกี่ยวข้อง มีส่วนทำให้กระบวนการที่ควรจะเป็นในเรื่องการควบรวมธุรกิจ TRUE – DTAC ไม่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และความล่าช้าทั้งหมด ก็ไม่ปรากฏว่าเหตุผลที่สมควรแก่การรับฟัง

และข้อเท็จจริงที่ผ่านมา ทาง TRUE และ DTAC ได้ยื่นความเห็นเรื่องการรวมธุรกิจ ไปยังรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และ คณะกรรมการกสทช. ไปตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2565 ซึ่งตามกฎหมาย ที่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของรายงานการศึกษาและวิเคราะห์ของอนุกรรมการด้านกฎหมาย มีความเห็นว่า คณะกรรมการกสทช.ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน แต่กสทช.ก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานาน จนทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลกระทบหลายด้าน

ส่วนกรณีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง นายเพทาย ระบุว่า เป็นการยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่ม โดยศาลจะทำการไต่สวนและพิจารณาเกี่ยวกับตัวคำฟ้องว่าจะรับไว้เป็นคดีแบบกลุ่มหรือไม่ ซึ่งถ้ารับไว้เป็นคดีแบบกลุ่ม นอกจากโจทก์ยื่นฟ้องคดีแล้ว ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ที่ถือเป็นสมาชิกกลุ่มก็สามารถที่จะเรียกร้องค่าเสียหายได้

 

 

ขณะที่สาเหตุต้องมีการฟ้องร้องทางแพ่งนั้น เนื่องจากกระบวนการควบรวม ไม่ได้มีการพิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะในกระบวนการการรวมธุรกิจ จะมีเรื่องการรับซื้อหุ้นคืน ส่วนนี้ผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์จากตรงนั้น แต่เมื่อกำหนดระยะเวลาล่วงเลยไป หรือเมื่อยังไม่ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการรวมธุรกิจ ผู้ถือหุ้นก็จะเป็นผู้เสียประโยชน์ทันที

สำหรับมูลค่าความเสียหายจากฟ้องศาลแพ่ง นายเพทาย ระบุว่า เนื่องจากขณะนี้ยังเป็นคดีแบบกลุ่ม ยังไม่ได้มีการเรียกร้องเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสมาชิกในกลุ่มที่จะเข้ามาร่วม เพียงแต่ถ้าคำนวณจากผู้ถือหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดของ TRUE มีการประเมินมูลค่าเป็นแสนล้านบาท แต่ท้ายสุดขึ้นอยู่กับทางผู้ถือหุ้นที่จะเข้ามาร่วมเรียกร้องเมื่อศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการดำเนินคดีแบบกลุ่มอีกครั้งหนึ่งจึงจะกำหนดจำนวนมูลค่าความเสียหายได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจำนวนผู้ถือหุ้น ขณะนี้ยังเปิดเผยไม่ได้ เนื่องจากมีคดีอยู่ในศาล ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบกับกระบวนการพิจารณา และต้องเคารพในความอิสระของศาลด้วย

ทั้งนี้ นายเพทาย กล่าวว่า ในส่วนของคดีแพ่ง วันพรุ่งนี้ ( 11 ต.ค.) เนื่องจากตนมีธุระด่วน จึงจะไปขอศาลเลื่อนการนัดไต่สวน คำร้องขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่มออกไปก่อน แต่สำหรับคดีอาญา ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กำหนดนัดวันที่ 26 ตุลาคม เพื่อฟังคำสั่งเกี่ยวกับคดีว่าศาลจะรับฟ้องไว้พิจารณาทันทีหรือไม่ หรือว่าจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง หรือชี้แจงข้อกฎหมายหรือพยานหลักฐานใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มค้างค่าเช่าหลักหมื่น ทิ้งขยะกองโตท่วมห้องไว้ให้เจ้าของหอดูต่างหน้า
"ศาลอุทธรณ์" ยืนโทษคุก 8 เดือน "สมบัติ ทองย้อย" อดีตการ์ดเสื้อแดง โพสต์หมิ่น "พล.อ.ประยุทธ์" 2 ข้อความ
สพฐ. ชูศึกษานิเทศก์ทั้งประเทศ กลไกขับเคลื่อน "เรียนดี มีความสุข" สร้างคุณภาพสู่ห้องเรียน
“เต้ อาชีวะ” เดือด! จัดหนัก UN ปล่อยต่างด้าวล้นรพ.รัฐ แย่งคิวคนไทย
ปัตตานีระทึก คนร้ายชักปืน จี้ "พนง.ร้านสะดวกซื้อ" ชิงเงินสด 1.2 ล้าน หนีลอยนวล
เตรียมพบเทศกาลนานาชาติ พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2024 "จันทบุรีนครอัญมณี" ปีที่ 5 ชูเอกลักษณ์เมืองจันท์ อัญมณีอันเลื่องชื่อ
“สมศักดิ์” นำร่อง “ตู้ห่วงใย” บริการแพทย์ทางไกลเชิงรุกในชุมชน ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ 
"พงษ์ศักดิ์" ยื่นร้องกกต. ขอระงับรับรองผลเลือกตั้งนายกอบจ.ขอนแก่น ชี้พบเหตุหาเสียงส่อผิดกม.
“กฤษอนงค์” ไร้เงาคนยื่นประกัน นอนคุกคืนแรก ด้าน “บอสพอล” มอบทีมกม.ยื่นค้านประกันตัว
‘ทะเลสาบน้ำเค็ม’ โผล่กลางทะเลทรายในมองโกเลียใน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น