3 แก๊งคนไทย ยูเค ติดคุกคนละ 8 เดือน ไม่รออาญา ปมด่า “บิ๊กตู่” – “บิ๊กป้อม” ซื้อดาวเทียม

ติดคุกคนละ 8 เดือน ไม่รออาญา 3 แก๊งคนไทย ยูเค. ด่า “บิ๊กตู่” – “บิ๊กป้อม” ซื้อดาวเทียม

วันที่ 12 ตุลาคม 2565  ที่ห้องพิจารณา 714 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำอ.498/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุทัศน์ ประตัง ,นายสมบัติ ชมโฉม และนายยอด ลาโสภา กับพวกรวม 11 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ฯลฯ จากกรณีระหว่างวันที่ 4 -10 มิถุนายน 2561 นางวัฒนา เอ็มเบจช์ ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “khonthaiuk” โพสต์ภาพพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะคสช. และภาพพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น พร้อมบรรยายประกอบภาพเกี่ยวกับการจัดซื้อดาวเทียมมูลค่า 9.12 หมื่นล้านบาท ทำนองว่าซื้อมาเพื่อใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน และหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อดาวเทียมดังกล่าว รวมทั้งข้อความ คสช.รัฐบาลเถื่อน ขายชาติ ตัวจริง และข้อความอื่น ซึ่งล้วนเป็นข้อความอันเป็นเท็จ เพราะความจริงกระทรวงกลาโหมไม่มีโครงการจัดซื้อดาวเทียมมาเพื่อละเมิดสิทธิประชาชน รวมทั้งคสช.มีสถานะถูกต้องรัฐธรรมนูญ 2560 ข้อมูลดังกล่าวได้สร้างความสับสนเข้าใจผิดแก่ประชาชน จนอาจเป็นช่องว่างให้มีผู้เข้าใจผิดร่วมกันสร้างแนวร่วมต่อต้านรัฐบาล

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมาจำเลยได้คัดลอกข้อความและภาพของพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร ไปแชร์ โดยประการที่จะสร้างความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อย่างไรก็ตามจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่า เหตุที่แชร์หรือส่งต่อภาพและข้อความ เนื่องจากเห็นว่ามีที่มาจากสำนักข่าวและการจัดซื้อดาวเทียมใช้เงินภาษีของประชาชน จึงเป็นประเด็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งศาลเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าเพราะเหตุที่การจัดซื้อดาวเทียมใช้เงินภาษีของประชาชน และเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในการตรวจสอบ จึงได้แชร์หรือส่งต่อภาพและข้อความออกไป ทั้งที่หากจำเลยที่ 1 ได้อ่านข่าวของสำนักข่าวสดที่แนบเว็บไซต์มาด้วย ตามที่จำเลยที่ 1 เบิกความเองว่า จำเลยที่ 1 ได้กดเข้าไปที่เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ ซึ่งปรากฏภาพนายศรีสุวรรณ จรรยา และหัวข้อข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบการซื้อดาวเทียม จำเลยที่ 1 ย่อมทราบได้ว่าทางกระทรวงกลาโหมไม่ได้จัดซื้อดาวเทียมแต่อย่างใด ดังนั้นการแชร์ หรือส่งต่อภาพและข้อความที่ว่า “ยังจะซื้อ ดาวเทียม 91,200 ล้านมาแดกอีก…จะยอมมัน อีกมั้ย” จำเลยที่ 1 ก็ย่อมทราบได้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่จำเลยที่ 1 ยังตัดสินใจที่จะกดแชร์หรือส่งต่อออกไปโดยที่ไม่กลั่นกรองข้อมูลข่าวสารให้ถี่ถ้วนเสียก่อน การกล่าวอ้าง ของจำเลยที่ 1 ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ส่วนจำเลยที่ 2-3 นำสืบความว่า เหตุที่แชร์หรือส่งต่อภาพและข้อความเนื่องจากอยากให้ผู้ที่ติดตามเฟซบุ๊กของจำเลยที่ 2 ได้วิเคราะห์กัน

 

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14(5) ประกอบมาตรา 14(2) จำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1-3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 4 – 11 ให้ยกฟ้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น