“ดร.ณัฎฐ์” ชี้เกมซ่อนเงื่อนกับดักทางการเมือง ถอดรหัส เพื่อไทยวางตัว “เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

“ดร.ณัฎฐ์”ชี้ เกมซ่อนเงื่อนกับดักทางการเมือง ถอดรหัสคณิตศาสตร์ทางการเมือง เพื่อไทยวางตัวเศรษฐาหรือแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โค้งสุดท้ายการเลือกตั้งก่อนสิ้นวาระอายุสภาผู้แทนราษฏร พรรคการเมืองต่างเปิดตัววางตัวนายกรัฐมนตรีแต่ละพรรคการเมืองโดยพรรคเพื่อไทยได้ปล่อยกระแสเพื่อวางตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อันดับ 1 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อันดับ 2 ซึ่งใช้กลยุทธ์ทางการเมืองให้ชนะแลนด์สไลด์ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า จึงได้สัมภาษณ์ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์” ปรมาจารย์ทางด้านกฎหมายมหาชน ผู้เชี่ยวชาญรัฐธรรมนูญคนดัง ในประเด็นดังกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ได้ออกแบบการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีโดยเป็นบุคคลภายนอกพรรคการเมืองก็ได้ ไม่จำต้องสังกัดพรรคการเมืองโดยให้แต่ละพรรคเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื่อต่อ กกต.ก่อนปิดรับสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง หรือพรรคการเมืองจะไม่เสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีก็ได้ ตามมาตรา 88 วรรคสอง โดยให้หลักความยินยอม ซึ่งมาตรา 89 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ 2 ส่วน คือ ต้องมีหนังสือยินยอม และต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 160 ที่สำคัญไม่เคยทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งคราวนั้น หมายความว่า เสนอรายชื่อได้เพียงพรรคการเมืองเดียว โดยให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร โดยการเสนอรายชื่อตามวรรคหนึ่ง ต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผยและมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร”ดังนั้น พรรคการเมืองต้องได้เสียงเกิน 25 เสียงขึ้นไป และต้องมีเสียงรับรอง 1 ใน 10 ของจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฏร เป็นเงื่อนไขของการเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่สำคัญ ประเพณีทางการปกครองนับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมาไม่ได้บัญญัติให้พรรคการเมืองใดที่ได้เสียงมากสุดให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องมาวัดกันว่า พรรคการเมืองใดแม้ชนะอันดับสอง แกนนำใครรวบรวมเสียงได้มากสุด ถึงจะจัดตั้งรัฐบาลได้ หากถอดคณิตศาสตร์ทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 วรรคสาม มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ”สภาผู้แทนราษฎร”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ท่านอย่างเพิ่งดีใจไป หากมาตรา 159 วรรคท้าย หมายถึง ส.ส.500 คน กึ่งหนึ่ง 250 คน แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซ่อนเงื่อนไขไว้ตามที่เคยจัดทำประชามติกันไว้ให้อำนาจ สว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งเขียนไว้ใน บทเฉพาะกาลในมาตรา 272 ยกเว้นมาตรา 159 ไว้ ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนญูนี้(2562) การให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่งให้กระทำ”ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา” และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็น นายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ทั้งในการอุดช่องว่างในการเลือกนายกรัฐมนตรีเอาไว้ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้ ที่กล่าวมาเป็นข้อกฎหมาย หากนับระยะเวลา 5 ปีนับแต่มีสภาครั้งแรกในปี 2562 ปัจจุบันสมาชิกวุฒิสภายังมีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ หากดูการเสนอชื่อบุคคลที่จะจัดลำดับเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ในช่วงโค้งสุดท้าย ถือว่า เป็นปกติทางการเมือง แต่จะรวบรวมเสียงข้างมากได้หรือไม่ อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.มากสุดจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสพรรคเพื่อไทยวางตัวนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นางสาวแพทองธาร ชินวัตรหรืออุ๊งอิ๊งค์ อันดับ 2 มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ มองยุทธศาสตร์ทางการเมืองอย่างไร ดร.ณัฎฐ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญและ พรป.พรรคการเมืองที่กำหนดไว้ แต่ส่วนใหญ่จะเสนอรายชื่อก่อนปิดรับสมัคร หมายความว่า อาจเปลี่ยนตัว เปลี่ยนลำดับกระทันหันก็ได้ แตกต่างการทำไพรมารี่โหวตของการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาแต่ละมลรัฐ ก่อนที่คว้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่าลืมว่าเมืองไทยใช้ระบบรัฐสภา ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ถามว่า การเสนอตัวบุคคลทั้งสองในยุทธศาสตร์ทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนผู้สนับมองว่า ใช้เศรษฐกิจนำการเมือง หมายความว่า ผู้เสนอตัวลำดับ 1 เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันเป็นการโยนหินถามทางมากกว่าเพื่อไม่ให้ฝ่ายการเมืองตรงข้ามพุ่งเป้ามาที่นางสาวพิณทองทาฯทายาทางการเมือง ของคุณทักษิณ ถือว่า เป็นปกติทางการเมืองของทุกพรรคการเมืองที่จะเสนอบุคคลที่มีกระแสทางการเมือง แต่จะได้นั่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องปฎิบัติตามมาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 ยกตัวอย่างเช่น พรรคเพื่อไทย ได้เสียงมากสุด 249 หรือ 250 เสียง ในการเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องไปรวบรวมอีก 126 เสียง ถึงจะได้เสียงกึ่งหนึ่ง(375 เสียง) ตามมาตรา 159 วรรคท้ายประกอบมาตรา 272 วรรคหนึ่ง (ส.ส.500+250=750) โอกาสรวบรวมเสียงให้ถึง 375 เสียงขึ้นไป ให้เป็นเสียงข้างมากในสภาค่อนข้างยากเพราะตัวแปร การต่อรองพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมรัฐบาลย่อมใช้อำนาจต่อรองสูง โดยเฉพาะพรรค ปชป.หรือพรรคภูมิใจไทย คนละอุดมการณ์กัน โอกาสจับมือค่อนข้างยาก ตัวอย่างในปี 2562 พรรคเพื่อไทย ชนะเสียงข้างมาก แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ หากเทียบเคียงกับ สว.250 เสียง ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ฯ ตุนอยู่ในมือ เพียงรวบรวมเสียงอีก 126 เสียง สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่การทำหน้าที่ในสภาจะต้องใช้เสียงข้างมาก(500 เสียง)ดังนั้น จะเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า เสียงจะปริ่มน้ำเหมือนเดิม จะปรากฏการณ์งูเห่าทางการเมืองของขั้วฝ่ายค้านให้เห็นแน่นอน หากถอดรหัสสมการทางการเมือง หาก พรรคเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ให้มากสุด 250 เสียง โอกาสจัดตั้งรัฐบาลโอกาสยาก คือ ชนะเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ประกอบกฎกติกาเลือกตั้งตาม พรป.ว่าด้วยกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 68,72 กรอบ 180 วัน ก่อนวันเลือกตั้งนับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 เป็นต้นไป เป็นกฎเหล็กข้อห้ามหยุมหยิม โอกาสแพ้ฟาว์แบบแลนสไลด์หรือถูกร้องว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้าจะได้เป็นเพียงรัฐบาลเงาเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น