เปิดความจริงโต้ เดี่ยว 13 “บิ๊กตู่” ไร้ความสามารถจริงหรือ

เปิดความจริงโต้ เดี่ยว 13 “บิ๊กตู่” ไร้ความสามารถจริงหรือ

ประเด็นดราม่าเดี่ยว 13 ที่โน้ส อุดม แต้พานิช กล่าวเหยียดหยามดูถูกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หากแยกย่อยรายละเอียด พบว่าประเด็นที่ โน๊ส อุดม ได้เหยียดหยามพลเอกประยุทธ์ ประเด็นหลักๆ ประกอบไปด้วย

-ด่าพลเอกประยุทธ์ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ เปรียบเป็นการเอาพนักงานรักษาความปลอดภัยมาขับเครื่องบินที่ชื่อประเทศไทย

-ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้

-แก้ปัญหาประเทศด้วยการแต่งเพลง

-อาสามากู้ชาติ แต่ไม่ได้กู้แค่ชาติเดียว กู้มาหลายชาติ ชาติล่าสุดเพิ่งกู้ญี่ปุ่น ส่งมอบมรดกหนี้สินให้กับลูกหลาน เพราะมันผ่อนไม่จบที่รุ่นเรา

-เลือกชัชชาติได้ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เลือกพลเอกประยุทธ์ได้ทำใจ ทำใจ ทำใจ

– พร้อมชนทุกปัญหาด้วยสติปัญญาที่มี แปดหมื่นสี่คือเซลล์สมอง

อย่างไรก็ดี หากเราไปพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ และสังคมส่วนใหญ่รับรู้ ก็จะพบข้อเท็จจริงว่า แตกต่างจากสิ่งที่โน๊ส อุดม พูดแทบทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละประเด็นมีรายละเอียด ดังนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ประเด็นแรก “พลเอกประยุทธ์ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ เปรียบเป็นการเอาพนักงานรักษาความปลอดภัยมาขับเครื่องบินที่ชื่อประเทศไทย”
ข้อเท็จจริงพบว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศ พลเอกประยุทธ์ได้แก้ปัญหาหมักหมมที่รัฐบาลก่อนหน้าทิ้งไว้มาอย่างยาวนานมากมาย เช่น แก้ปัญหาธงแดงการบินพลเรือน หรือ ICAO ได้สำเร็จ ,แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู หลังได้ใบเหลืองในปี 58 ,แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จนทำให้สหรัฐฯ ยกระดับประเทศไทยดีขึ้นจากระดับ Tier 2 Watch List เป็น Tier 2 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 65 ,ฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดิอาระเบียได้สำเร็จในรอบ 30 ปี นอกจากนี้ยังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ทั้งรถไฟทางคู่ ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ขยายเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายใหม่ พัฒนาสนามบินหลักทั่วประเทศ พัฒนาระบบอีเพย์เม้น พร้อมเพย์ แอปพลิเคชั่นกระเป๋าตัง ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 , โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งในช่วง 4 ปีแรก 2561-2565 มีการอนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาทใน 5 ปีที่เป็นแผนแรกของอีอีซี

ประเด็นที่สอง “ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้”
ข้อเท็จจริงพบว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ถูกตรวจสอบตามปกติ เห็นได้จากการที่ฝ่ายค้านได้ใช้กลไกสภาฯในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลด้วยอภิปรายไม่ไว้วางใจ และได้นำข้อมูลไปยื่นให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอน

ประเด็นที่สาม “แก้ปัญหาประเทศด้วยการแต่งเพลง”
ข้อเท็จจริงพบว่า ปัญหาหรือวิกฤตของประเทศที่เกิดขึ้นในยุคพลเอกประยุทธ์บริหารประเทศ พลเอกประยุทธ์ไม่ได้แก้ด้วยการแต่งเพลง แต่ใช้การบูรณาการและปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญ จนสามารถนำประเทศหลุดพ้นมาได้ โดยเฉพาะมหาวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยกย่องให้ประเทศไทยเป็นอันดับ 3 ของโลก ประเทศที่เป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาโควิด-19

ประเด็นที่สี่ “อาสามากู้ชาติ แต่ไม่ได้กู้แค่ชาติเดียว กู้มาหลายชาติ ชาติล่าสุดเพิ่งกู้ญี่ปุ่น ส่งมอบมรดกหนี้สินให้กับลูกหลาน เพราะมันผ่อนไม่จบที่รุ่นเรา”
ข้อเท็จจริงพบว่า การกู้เงินของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีสาเหตุมาจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งไม่ใช่แค่รัฐบาลไทยที่กู้ แต่ทุกประเทศทั่วโลกได้กู้แทบทั้งสิ้น เพราะจำเป็นต้องกู้มาแก้ปัญหาโควิด-19 เช่น การจัดซื้อเวชภัณฑ์ ยา วัคซีน และใช้เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการนำมาออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตามสถานะการเงินการคลังของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 2.3 แสน ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บริษัท Fitch Ratings ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย อยู่ที่ระดับ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ

ประเด็นที่ห้า “เลือกชัชชาติได้ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เลือกพลเอกประยุทธ์ได้ทำใจ ทำใจ ทำใจ”
ข้อเท็จจริงพบว่า นับตั้งแต่นายชัชชาติ ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม. และเริ่มทำงานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผลงานเด่นของนายชัชชาติคือการ วิ่ง ไลฟ์สด จัดงานดนตรี ขณะที่งานสำคัญ เช่น การรับมือน้ำท่วมก็เป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา หลายพื้นที่ของกทม.เมื่อเกิดฝนตก ก็เกิดน้ำท่วมขัง บางพื้นที่ไม่เคยท่วมก็ท่วม จนทำให้ผู้ที่เลือกนายชัชชาติเข้ามาทำงาน ต้องทำใจ เพราะวิจารณ์ไม่ได้ เนื่องจากเลือกมาเองกับมือ

ประเด็นที่หก “พร้อมชนทุกปัญหาด้วยสติปัญญาที่มี แปดหมื่นสี่คือเซลล์สมอง” ข้อเท็จจริงพบว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 พลเอกประยุทธ์ ได้ชี้แจงในสภาฯว่า เรื่องที่เคยพูดว่า 84,000 เซลล์ เป็นการพูดผิด เพราะวันนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดี ซึ่งความจริงจะต้องพูดว่า 840,000 ล้านเซลล์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น