“นายกฯ” แจ้งข่าวดี แก้หนี้ครัวเรือน ทุกอย่างกำลังดีขึ้น GDP ต่อหัว ไทยเพิ่มสูงสุดในอาเซียน

"นายกฯ" แจ้งข่าวดีรัฐมุ่งแก้หนี้ครัวเรือน เช่า ซื้อรถยนต์จักรยานยนต์ลดต้น ลดดอก คิดจากเงินต้นคงเหลือ ไม่ใช่ คิดจาก เงินต้นคงที่ พร้อมเผย ทุกอย่างกำลังดีขึ้น พบ GDP ต่อหัวประชากรโดย IMF ชี้ ไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดในอาเซียน

วันที่ 14 ต.ค.65 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ว่า ผมมีข่าวดี ที่เป็นความคืบหน้า สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” โดยล่าสุด ก็ได้มีการกำหนดให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ คิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) แบบ “ลดต้น ลดดอก” ซึ่งจะต้องคิดดอกเบี้ยจาก “เงินต้นคงเหลือ” ในแต่ละงวด ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยแบบ “เงินต้นคงที่” (Flat rate) แบบเดิม ที่ทำให้ลูกค้า/ผู้ที่เช่าซื้อเสียเปรียบบริษัทเช่าซื้อ หรือลีสซิ่ง นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อใหม่ ได้แก่ (1) รถยนต์ใหม่ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% ต่อปี (2) รถยนต์ใช้แล้ว : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (3) รถจักรยานยนต์ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 23% ต่อปี และสำหรับผู้ที่สามารถปิดบัญชีได้ก่อน ก็จะต้องให้ “ส่วนลด” กับผู้เช่าซื้อด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว (หรือวันที่ 11 มกราคม 2566) ครับ

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง มีหนี้สินติดตัว ให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ผลักดันให้การเปลี่ยน “ฐานคำนวณดอกเบี้ย” จากเดิมที่คิดดอกเบี้ยจากยอด “เงินต้นคงค้างทั้งหมด” มาเป็นการคิดดอกเบี้ยจาก “เงินต้นเฉพาะเดือนที่ผิดนัดชำระ” เท่านั้น หลักการนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนที่เป็นหนี้ ขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะบรรดาเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา มนุษย์เงินเดือน คนหาเช้ากินค่ำ ที่มีความจำเป็นจะต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาใช้ดำรงชีวิต และเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ตลอดจนกลุ่มลูกหนี้นอกระบบ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ให้ชำระดอกเบี้ยลดลงอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัด “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้” เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขหนี้ครัวเรือนให้ประชาชน เราได้เดินสายไปทุกจังหวัด ทั่วประเทศ สามารถลดปัญหาหนี้สินประชาชนได้ กว่า 200,000 ราย มูลหนี้มากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน-ลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ดังนั้น เพื่อเป็นการเก็บตกและต่อยอด จึงจัดให้มี “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ยังไม่กลับมาเต็มที่ และอาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งภายหลังจากดำเนินการมาได้ 2 สัปดาห์ ณ 14 ตุลาคม 2565 มีคำขอแก้หนี้เข้ามาแล้ว 158,539 รายการ จากลูกหนี้ 62,595 ราย เฉลี่ยคนละ 2-3 รายการ ส่วนใหญ่เป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น

ขณะนี้ เราได้จัดการสถานการณ์โควิดได้สำเร็จ และควบคุมดูแลสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในยุโรป ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และรักษาความมั่นคงทางการคลังไว้ได้อย่างดี รัฐบาลและประเทศไทย พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง และทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้อย่างดี สะท้อนได้จากการรายงาน GDP ต่อหัวประชากรโดย IMF ที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดในอาเซียนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา จากมาตรการกระตุ้นรายได้ของรัฐหลายโครงการ ทั้งโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โครงการคนละครึ่ง และอื่นๆ

นอกจากนั้น ช่วงปลายปีนี้ เศรษฐกิจของไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวอีกครั้ง รวมถึงนักธุรกิจ นักลงทุนมูลค่ามหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC และนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะในหลากหลายพื้นที่ที่รัฐบาลได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า ทั้งระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเสริมความเชื่อมั่นต่อประชาคมโลก ด้วยการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคที่กำลังจะมาถึง

 

 

ประเทศไทยของเราอาจมีปัญหาหลายประการที่ผมและรัฐบาลต้องเร่งแก้ไข แต่หลายครั้งเมื่อผมมองย้อนกลับไปแล้ว ก็รู้สึกว่าเราได้เดินมาไกลอย่างมั่นคง แม้จะต้องประสบกับวิกฤตการณ์หลายครั้ง ผู้ที่ติดตามข่าวสาร จะได้รับรู้ว่า ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ของโลกในหลากหลายด้านจากการจัดอันดับขององค์กรระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่น่าอยู่ น่ามาเกษียณและมาทำงาน ระบบสาธารณสุขระดับดีเยี่ยม ประเทศที่น่าเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และร่ำรวยด้วยวัฒนธรรมอันดีงาม สถานที่ท่องเที่ยว อาหารติดอันดับโลก ขอให้เราคนไทยร่วมแรงร่วมใจกันเช่นนี้ต่อไป ผมเชื่อมั่นว่าอนาคตของเราจะดียิ่งๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอนครับ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น