“บิ๊กตู่-ลุงป้อม”ต้องชัด ไม่งั้นพปชร.แตก

ตกลงจะไปต่อหรือพอแค่นี้  ใครจะเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ในบัญชีพรรคการเมือง  ปล่อยเวลาช้าไปมีแต่เข้าทางฝ่ายตรงข้าม วีระกรแนะ “บันได 4 ขั้น”  ให้บิ๊กตู่จับมือลุงป้อม ส่งสัญญาณการเมืองให้ชัดเลือกตั้งเที่ยวหน้าจะเอาไง    ไม่งั้นพลังประชารัฐมีสิทธิ์ซ้ำรอยพรรคทหาร  “สหประชาไท-สามัคคีธรรม” ไปไม่รอดทางการเมืองสุดท้ายพรรคแตกเลือดไหล  กลายสภาพเป็นพรรคลูกไล่ทางการเมือง ได้ส.ส.ต่ำห้าสิบเป็นพรรคเฉพาะกิจทางการเมือง  

นับถอยหลังเลือกตั้งก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ  บรรดาพรรคการเมืองต่างๆก็ทยอยเปิดตัวนโยบาย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในเขตต่างๆ เปิดตัวหัวหน้าพรรคใหม่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่   แม้กระทั่งแคนดิเดตนายกฯของแต่ละพรรคก็เริ่มเห็นหน้าค่าตาเปิดชื่อกันมาให้เห็นแล้ว พรรคเพื่อไทยเปิดชื่อ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอสแสนสิริมาเป็นคู่เที่ยบของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร   พรรคก้าวไกลเปิดตัวนโยบายการเมืองเรียกคะแนนนิยมพวกสามกีบฝ่ายล้มเจ้า   ส่วนพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีระกูลก็ตระเวนหาเสียงในจังหวัดสำคัญๆพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคตามภาคต่างๆ ที่งานนี้อนุทินประกาศพร้อมเป็นนายกฯตั้งแต่ไก่โห่        พรรคประชาธิปัตย์ทยอยเปิดตัวขุนพลที่จะลงชิงชัยในพื้นที่ภาคใต้   ฝ่าย “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยก็กำลังง้วนกับการคุยดีลรวมพรรคกับ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แคนดิเดตนายกฯจากพรรคสร้างอนาคตไทย

เงียบสุดเหมือนเป่าสาก แทบไม่มีความเคลื่อนไหวได้ยินเสียงอะไรก็คือพรรคแกนนำรัฐบาลของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนี้แหละ  ที่ขยับตัวทำอะไรน้อยกว่าคนอื่น  และถือว่าเงียบมากถ้าเทียบกับความเป็นพรรคใหญ่คนเยอะมีส.ส.ในมือ 93 คน  ความเงียบเกินไปไม่เตรียมตัวอะไรดังกล่าวจึงไม่แปลกที่จะทำให้เกิดกระแสข่าว “เลือดไหล” ภายในพรรค  มีข่าวว่าส.ส.หลายก๊วนเตรียมย้ายออกหนีลุงป้อมทิ้งพล.อ.ประยุทธ์เพราะผู้ใหญ่ในพรรคไม่แสดงความชัดเจนเสียทีว่าเอาไงจะไปอย่างไรต่อ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ก็มีข่าวส.ส.หลายคนหลายกลุ่มในพรรคเตรียมลาออก  อาทิ ก๊วนกทม.ที่มี 12 คน ลาออกไปหนึ่งทิ้งพรรคไปคนนึงแล้วก็คือ “มาดามเดียร์” วทันยา วงศ์โอภาสี ที่หนีไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์   ขณะที่ส.ส.กรุงเทพที่เหลืออีกหลายคนมีข่าวว่าถูก “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐที่ตอนนี้ไปช่วยงานพรรคภูมิใจไทยทาบทามให้ย้ายสังกัดไปอยู่กับพรรคเสี่ยหนูพลังใบ  ฝ่ายก๊วนส.ส.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ 6 คน ใต้ปีก “เสี่ยเอ๋” ชนสวัสดิ์ อัศวเหม ก็เตรียมย้ายออกจากพรรค เช่นเดียวกับกลุ่มชลบุรีของ “สนธยา-อิทธิพล” คุณปลื้ม ที่หากไม่ฟื้นพรรคพลังชลก็คงไม่แคล้วกลับบ้านเก่าไปอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาของ “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา  นอกจากนี้ยังมีก๊วน “บ้านริมน้ำ”ของพ่อมดดำสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่แคล้วร่ำๆว่าจะย้ายกลับไปอยู่กับนายห้างนักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ขอกลับบ้านเก่าไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย  ฯลฯ ทั้งหมดนี้แค่หนังตัวอย่าง  หากบิ๊กตู่กับลุงป้อมไม่พูดไม่คุยไม่ส่งสัญญาณกันให้ชัดว่าจะเอาอย่างไรจะเดินแบบไหนต่อ เชื่อว่าเลือดจะไหลออกกว่านี้อีกเยอะ พรรคมีสิทธิ์แตกได้ทุกวินาที  เพราะเวลาเลือกตั้งก็เหลือไม่มาก เต็มที่ไม่เกิน  6 เดือน ถ้ายังคลุมเครือแบบนี้ต่อไป  พรรคเพื่อไทยนั่งยิ้มทักษิณซดไวน์โอกาสแลนด์สไลด์ก็มีสูงขึ้นไปอีก

ไม่แปลกที่หนึ่งในส.ส.อาวุโสของพรรค อย่าง วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์  ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ต้องออกมาพูดดังๆ  แทนใจผู้แทนส่วนใหญ่ในพรรค   ด้วยการเสนอให้  พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรเร่งสร้างความชัดเจน   ออกมาประกาศชูธงสร้างกระแสขั้วการเมืองเบอร์หนึ่งในฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง  อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบเปล่าประโยชน์เสียไปอย่างไร้ค่า  งานนี้เสนอ  “บันได 4 ขั้น”  ให้พล.อ.ประยุทธ์กู้วิกฤติเรียกศรัทธาให้กับพรรคพลังประชารัฐแบบด่วนๆ ประกอบด้วย 1.ให้บิ๊กตู่เซ็นเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐในทันที  2. นัดประชุมและตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 3. เรียกประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เพื่อเขียนนโยบายที่โดนใจประชาชน  4. บิ๊กตู่จับมือลุงป้อมจัดแถลงนโยบายดังกล่าวร่วมกัน เพื่อเตรียมพร้อมลงสนามเลือกตั้งให้เร็วที่สุด  เป็นไปได้ให้เกิดขึ้นก่อนสิ้นเดือนต.ค.นี้   “  พล.อ.ประยุทธ์ต้องหันมาเป็นนักการเมืองเท่านั้นเอง ต้องหันมาใส่ใจนักการเมือง ต้องหันมาสนใจบริบทการเมือง ท่านไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ย่อมสร้างพรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้ ….ขอกราบวิงวอนนายกฯอีกครั้ง สิ่งที่เสนอไปท่านคงจะมองในแง่ดี ไม่มองว่าเป็นการทำลาย แต่เป็นข้อเสนอที่ต้องทำ ไม่เช่นนั้นพรรคพลังประชารัฐจะค่อยๆล่มลงไปเรื่อยๆ  ขอย้ำว่าถ้ายังไม่ยอมปรับ นิ่งอยู่กับที่ ขอให้มองพรรคสหประชาไทย พรรคสามัคคีธรรมล่ม เพราะทหารเล่นการเมืองไม่เป็น เมื่อเรียนรู้อดีตก็ต้องฟังส.ส.อย่างตน ไม่มีพิษมีภัย ดังนั้น2ลุงต้องรีบปรับโดยใช้บทเรียนในอดีต” วีระกรแจกแจง

2 พรรคการเมืองชื่อดังต่างยุคในอดีตที่ตั้งโดยทหารซึ่งถูกวีระกร ยกมาเตือนสติบิ๊กตู่กับลุงป้อม  พรรคแรกคือ  “พรรคสหประชาไทย”  ( ส.ป.ท.)  เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อ  24 ต.ค. 2511 มี จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกฯ รมว.กลาโหม และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)  เป็นหัวหน้าพรรค มีรองหัวหน้าพรรค 3 คน คือ พล.อ.ประภาส จารุเสถียร รองนายกฯ รมว.มหาดไทย และ ผบ.ทบ.  พล.ต.อ. ประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจ และ  พจน์ สารสิน อดีตนายกฯ เป็นแกนนำ  โดยมี พล.อ.อ. ทวี จุลละทรัพย์ เป็นเลขาธิการพรรค  คราวเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512 พรรคสหประชาไทย ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด คือ 75  คน ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล  โดยมีจอมพลถนอมเป็นนายกฯ  แต่รัฐบาลก็มีปัญหาวุ่นวายตามมาไม่สิ้นสุด อันเนื่องจากการต่อรองขอผลประโยชน์ของสมาชิกพรรคเองรวมถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2515 จนกระทั่งในที่สุด จอมพลถนอม  จึงตัดสินใจทำการรัฐประหารตัวเอง เมื่อ 17 พ.ย. พ.ศ. 2514  สั่งยกเลิกพรรคการเมืองและประกาศห้ามมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป บทบาทของพรรคสหประชาไทยจึงได้ยุติแต่เพียงเท่านี้ แต่ผลจากการรัฐประหารตนเองในครั้งนี้ เป็นมูลเหตุของการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค. พ.ศ. 2516  ในอีก 2 ปีต่อมา

อีกพรรคที่วีระกร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ ยุค “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ  หยิบยกมาพูดถึงเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้บิ๊กตู่กับลุงป้อมก็คือ  “พรรคสามัคคีธรรม”   ก่อตั้งเมื่อ 3 ม.ค.2535 มี “บิ๊กซัน” พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผบ.ทสส.และอดีตผบ.ทบ.เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค  มีณรงค์ วงศ์วรรณ  เป็นหัวหน้าพรรค แกนนำดังๆตอนนั้นก็มีเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ พินิจ จันทรสุรินทร์  สมพงษ์ อมรวิวัฒน์  อาทิตย์ อุไรรัตน์  สุชาติ ตันเจริญ ฯลฯ  เป็นพรรคที่ถูกมองว่าตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)   ที่มี “บิ๊กจ็อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ จปร.1 เป็นประธานรสช.    แต่แกนนำจริงๆ คือ บรรดานายทหารจปร. 5 ที่ประกอบด้วย  “บิ๊กสุ” พล.อ. สุจินดา คราประยูร ผบ.ทบ.  พล.ร.อ. ประพัฒน์ กฤษณจันทร์ ผบ.ทร. “บิ๊กเต้” พล.อ.อ. เกษตร โรจนนิล ผบ.ทอ.  พล.ต.อ. สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมตำรวจ  “บิ๊กตุ๋ย” พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี  รองผบ.ทบ.  ฯลฯ  ทั้งนี้การเลือกตั้ง มี.ค.2535  พรรคสามัคคีธรรมได้ส.ส.มา 79 จาก 360 คน ได้เป็นการนำจัดตั้งรัฐบาล  โดยมีความพยายามจะเสนอชื่อณรงค์เป็นนายกฯ  แต่ถูกสหรัฐฯออกข่าวว่าเป็นหนึ่งในบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศเพราะมีความใกล้ชิดกับการค้ายาเสพติด  จนที่สุดพรรคร่วมรัฐบาลต้องเสนอชื่อพล.อ.สุจินดาไปเป็นนายกฯแทน  ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากนักศึกษาและประชาชน ที่ไม่ต้องการนายกฯคนนอก  แต่อยากได้ “นายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง”  เท่านั้นในการบริหารประเทศ ที่สุดเรื่องนี้ก็ลุกลามใหญ่โตมีการชุมนุมขับไล่พล.อ.สุจินดา สุดท้ายก็กลายเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นองเลือด “พฤษภาทมิฬ”

วีระกรออกมาพูดเรื่องนี้ก็ต้องการกระทุ้ง 2 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์อย่างบิ๊กตู่กับลุงป้อม ให้คิดอ่านทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียที เพราะปล่อยเวลาเนิ่นนานไปพรรคหลังประชารัฐก็จะมีแต่เสื่อมทรุดเพราะมีข่าวส.ส.ทยอยลาออกไม่เว้นแต่ละวัน  เพราะหลายคนไม่อยากลุ้นกับอนาคตของพรรคพลังประชารัฐ  พวกที่ตัดสินใจไปแล้วก็คงไม่ลำบากแต่พวกที่ยังอยู่กับพรรคต่อไปก็อยากเห็นความชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่เล่นการเมืองต่อไหม  พรรคจะเสนอใครเป็นนายกฯบ้างพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร  เรื่องพวกนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ส.ส.ในพรรคอยากให้ 2 บิ๊กอย่าง บิ๊กตู่กับลุงป้อมคุยกันไวไวจะได้เห็นแสงสว่างเสียที  เพราะปล่อยอึมครึมแบบนี้ไม่ดีหาเสียงก็ยากตัดสินใจก็ลำบาก รัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐเหมือนลิ้นกับฟัน พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรก็เหมือนคอหอยกับลูกระเดือกคงไม่มีทางทิ้งกันไปไหน  ปล่อยเวลาทอดยาวไม่เคลีย์ให้จบให้ชัดเสียทีเป็นสุญญากาศแบบนี้มีแต่จะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามเป็นบวกกับฝั่งทักษิณ  พรรคอื่นเข้าหาเสียงกันปาวๆ ชูนโยบายกันอุตลุต  พรรคพลังประชารัฐยังไม่ขยับสักเอ๊ะ  ปัญหาก็อยู่ที่บิ๊กตู่กับลุงป้อมนั้นแหละเกี่ยงไปเกี่ยงมา  โยนมึงโยนกูประวิงเวลาไม่เคลียร์ปัญหาให้ชัดเสียที  วีระกรออกมาพูดคราวนี้ก็คงพูดแทนใจส.ส.ในพรรค  สองพี่น้องบูรพาพยัคฆ์มัวแต่เล่นเกมเตะถ่วงรู้ไหมมันเข้าทางศัตรูคู่แข่งแบบเต็มๆ  อดีตความล้มเหลวของทหารรุ่นพี่ๆก็มีมาแล้ว  มีพรรคการเมืองส.ส.เกือบร้อยก็จริงแต่บริหารจัดการไม่เป็น  ไม่ประกาศไม่มียุทธศาสตร์ไม่รีบชูนโยบายซื้อใจส.ส.ไว้   ใครจะบ้าอยากอยู่กับพรรคไร้ทิศทางไม่มีอนาคต   ถึงเวลาบิ๊กตู่กับลุงป้อมรวมถึงคนที่เกี่ยวข้องต้องคุยกันจริงๆจังๆ ไปต่อหรือพอแค่นี้  อย่าคิดว่ามีเงินจ่ายส.ส.ได้แล้วจะทำให้ชนะการเลือกตั้ง  พรรคอื่นก็มีเงินเยอะมีเงินมากเหมือนกัน  ได้เงินแล้วสอบตกได้เงินแล้วเป็นฝ่ายค้านใครจะบ้าอยากอยู่พรรคพรรค์อย่างนั้น  ปล่อยเวลาสูญไปไม่ส่งสัญญาณอะไรให้ชัด  พรรคแตกเลือดไหลใกล้เป็นจริงนับถอยหลังได้เลย กับการเป็นพรรคต่ำห้าสิบเป็นลูกไล่พรรคอื่นในวงการ  จนแต้มตกต่ำกลายเป็นพรรคเฉพาะกิจ    ถึงตอนนั้นอยากแก้ไขอะไรก็ไม่ทันการเสียแล้ว  อย่าปล่อยให้เขาด่าว่าอดีตทหารที่ออกมาเล่นการเมืองโง่ไม่รู้จักปรับตัวเตรียมการทำอะไร บทเรียนก็มีให้เห็นกันมาแล้ว  อนาคตคนไทย ความเรียบร้อยของบ้านเมือง  การดำรงอยู่ของสถาบัน ไม่ใช่ของเล่นวันนี้พวกท่านได้เตรียมการอะไรเพื่อดูแลเขาในอนาคตหรือยัง หรือจะปล่อยให้ทั้งหมดตกไปอยู่ในมือฝ่ายทักษิณฝั่งโกงชาติ

///////////////////////

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตำรวจชลบุรีปฏิบัติการล้างบางปรสิต รวบต่างด้าว ผงะเจอขายลอตเตอร์รี่ คุยโวไม่กลัวเดี๋ยวมีลูกพี่มาช่วย
"บิณฑ์" นำทีมมูลนิธิร่วมกตัญญู ลุยช่วย 2 ตา-ยาย ผู้ป่วยติดเตียง แช่น้ำนาน 2 วัน ข้าวไม่ได้กิน รอความช่วยเหลือ
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 6 เดือน 5 วัน “เอก สายเต๊าะ” คดียิงปืนในหมู่บ้าน นับรวมโทษคดีเก่า 8 เดือน 5 วัน
รัสเซียยิงขีปนาวุธครั้งใหญ่ถล่มโรงไฟฟ้าทั่วยูเครน
กู้ภัยโร่ช่วยหนุ่มโรงงานเมา ซิ่ง จยย. แหกโค้งพุ่งลงคลองบาดเจ็บสาหัส
ไต้หวันซ้อมป้องกันภัยก่อนไล่ชิงเต๋อแวะสหรัฐ
"ดร.เฉลิมชัย" รมว.ทส. นำคณะผู้บริหาร ทส. ตรวจเยี่ยมประชาชนพื้นที่น้ำท่วม จ.สงขลา สั่งการเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ทส. ให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว
"ปิยบุตร" หัวเหวี่ยง ใส่ "เพื่อไทย" ไม่พอใจเมินนิรโทษ คดี 112
"กมธ.พลังงาน" เชิญหน่วยงานเกี่ยวข้อง ถกปมพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เล็งยึดกรอบ MOU 44 เจรจา
ไม่ไว้หน้าใคร "ธนดล" นำทีม แจ้งจับเจ้าของไร่ภูจันทร์เจ้า ใช้ชื่อนอมินี ยึดครองที่ดิน สปก.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น