นายคาร์ล เลาเตอร์บัค รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี กล่าวกับเออาร์ดี สถานีข่าวของรัฐว่า โรงพยาบาลหลายแห่งในเยอรมนี จะประสบปัญหาสภาพคล่องที่รุนแรงมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และอาจต้องปิดตัวลงจากการถูกบังคับให้ล้มละลาย เนื่องจากราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น หากรัฐบาลไม่ตอบสนองให้ความช่วยเหลือโดยทันที
โดยสหพันธ์โรงพยาบาลเยอรมนีประมาณการว่า โรงพยาบาลต่างๆจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้ถึงประมาณ 1พัน 5 ร้อยล้านยูโรในระหว่างปี 2022-2023 แต่นายเลาเตอร์บัค ปฏิเสธตัวเลขดังกล่าว พร้อมระบุว่าไม่มีใครสามารถทำนายได้ว่าค่าไฟฟ้าจะแพงแค่ไหนในปีหน้า อย่างไรก็ตามสหพันธ์กล่าวว่าค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ส่วนเกินคิดเป็นเพียง1ใน 3 ของยอดรวม ในขณะที่ส่วนที่เหลือคือ ต้นทุนวัสดุที่ใช้ในโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อ
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนายเลาเตอร์บัคจะพบกับนายคริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังในวันนี้ เพื่อหารือถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ตัดวิธีการอนุมัติวงเงินพิเศษเพื่อช่วยสถานพยาบาลออกไป โดยให้เหตุผลว่า รัฐไม่สามารถอนุมัติงบประมาณพิเศษสำหรับแต่ละปัญหาได้ทั้งหมด
ทั้งนี้โรงพยาบาลก็ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อเยอรมนีที่ทะยานขึ้นสู่สองหลักสู่ 10.9เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายน โดยสำนักงานสถิติแห่งสหพันธรัฐหรือ เดสตาติส เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อัตราเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่การรวมประเทศของเยอรมนี อีกทั้งราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล เป็นสาเหตุหลักของปัญหาเงินเฟ้อ
นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของเยอรมนีได้เตือนเมื่อไม่นานนี้ว่าราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย พวกเขาคาดการณ์ว่าเยอรมนีจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า อีกทั้งบริษัท เอ็นบีอับเบิลยู เอจี (EnBW AG) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของเยอรมนีประกาศว่าราคาก๊าซสำหรับครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งโดยเฉลี่ย 38เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป