ขุดประวัติ ลุงเสื้อแดง บุกชกต่อย”ศรีสุวรรณ” ปี 64 เคยทำร้าย “แรมโบ้”

ขุดประวัติ ลุงเสื้อแดง บุกชกต่อย"ศรีสุวรรณ" ปี 64 เคยทำร้าย "แรมโบ้"

ก่อนหน้านั้น คลิปในช่องยูทูป “ศักดินาเสื้อแดง” โดย นายวีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริ ผู้ชุมนุมคณะราษฎร และอดีตผู้ชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ได้เคยโพสต์คลิปเมื่อวันที่ 19 ต.ค.64 เรื่อง “ลุงศักดินาทำตามสัญญาแล้วตบไอ้โบ้วันนี้” เนื้อหาความยาวประมาณ 28.10 น. พอสรุปใจความได้ว่า

มีชายที่อ้างชื่อ ลุงศักดินา (นายวีรวิทย์) ได้ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มแรงงานที่เดือนร้อนจากโรงงานผลิตชุดชั้นใน ปิดตัว ที่ด้านหน้า ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 และต่อมาได้มีนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้เชิญแกนนำมาร่วมพูดคุยหาทางออก ที่ชั้น 3 ตึก กพร. ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ระหว่างนั้นได้ ลุงศักดินา ได้จึงได้รออยู่ที่ด้านล่างของอาคาร และได้กล่าวบอกกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงว่า “ขอให้รอดู ถ้าเจอแรมโบ้ จะตบให้ดู เพราะทำให้คนอีสานต้องเสื่อมเสีย จากพฤติกรรมเป็นคนเสื้อแดงกลับใจ” ก่อนลงมือทำร้าย “แรมโบ้ ” หรือ นายเสกสกล จนเป็นข่าวใหญ่

‘ลุงเสื้อแดง’สุดห้าว ไลฟ์สดยืนยัน ตบหัว’แรมโบ้อีสาน’ไป 4 ที ไม่หวั่นถูกดำเนินคดี

 

จนล่าสุด นายวีรวิชญ์ แฝงตัวมาเป็นนักข่าวทำท่าทีสอบถามประเด็นการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ ว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคดี 8 ปีนายกรัฐมนตรี จะมีการแจ้งความคนเห็นต่างหรือไม่ แต่ยังไม่ทันจะถามจบนายวีรวิชญ์ได้เข้าไปทำร้ายชกต่อยนายศรีสุวรรณ ทันทีกลางวงสัมภาษณ์ ทำให้นักข่าวอึ้งกันทั้งวงสัมภาษณ์

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 1 มิ.ย. 2565 เวลา 09.00 น. ศาลแขวงดุสิตนัดอ่านคำพิพากษาในคดีของ “ศักดิ์” หรือ วีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล ดีไซเนอร์และอดีตผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงวัย 62 ปี สืบเนื่องจากการเข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2563 บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยเขาถูกกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนข้อกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร

สำหรับการชุมนุม #21ตุลาไปอนุสาวรีย์ชัย เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2563 เกิดขึ้นในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง โดยเป็นการชุมนุมของประชาชนซึ่งรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนจะเดินเท้ามุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่น “จดหมายลาออกของนายกฯ ฉบับจำลอง” ให้ตัวแทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง และ 2 เงื่อนไข ของผู้ชุมนุม โดยไม่ได้มีแกนนำหลักในการชุมนุม

การชุมนุมครั้งนี้ ต่อมามีผู้ถูกดำเนินคดีรวมทั้งหมด 14 ราย ซึ่งพนักงานอัยการได้ทยอยสั่งฟ้องจำเลยแยกสำนวนคดีเป็นรายบุคคล โดยไม่ได้พิจารณาร่วมเป็นคดีเดียวกัน ต่อมา ศาลแขวงดุสิตได้ทยอยมีคำพิพากษายกฟ้องคดีไปแล้ว 5 รายด้วยกัน ได้แก่ คดีของภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล, อานันท์ ลุ่มจันทร์, ไพศาล จันปาน, วสันต์ กล่ำถาวร และสุวรรณา ตาลเหล็ก

สำหรับคดีของวีรวิชญ์ เขาถูกอัยการฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2563 คดีมีการสืบพยานจนเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 20-21 เม.ย. 2565 ก่อนศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้

ศาลยกฟ้อง “วีรวิชญ์” ระบุชุมนุมโดยสงบ ไม่มีอาวุธ เป็นสิทธิเสรีภาพที่ถูกรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ ณ ห้องพิจารณาคดี 509 ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า ถึงแม้ในวันเวลาเกิดเหตุ คดีนี้อยู่ระหว่างการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ห้ามไม่ให้มีการชุมนุมที่มีการมั่วสุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไป และไม่ให้ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมืองก็ตาม แต่การจะพิจารณาว่าการกระทำตามฟ้องนั้นผิดตามประกาศดังกล่าวหรือไม่ต้องดูที่เจตนาของผู้กระทำด้วย ตามฟ้องที่อัยการโจทก์อ้างว่า จำเลยได้กระทำการปลุกระดม ก่อให้เกิดความวุ่นวายและกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญนั้น

พิเคราะห์แล้วได้ความว่า จำเลยเบิกความยืนยันว่าได้เข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์จริง และ พ.ต.อ.วิบูลย์ นนทะแสง เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท เบิกความว่าจำเลยเข้าร่วมการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เป็นเพียงการเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

และตามฟ้องที่กล่าวหาว่าในวันเดียวกันจำเลยได้เข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ ซึ่งผู้ชุมนุมมีการรื้อลวดหนาม จำเลยเบิกความว่าไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณดังกล่าว และศาลเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บริเวณแยกอุรุพงษ์นั้นเป็นเหตุการณ์ส่วนน้อยเท่านั้น ในการชุมนุมทั้งหมด

 

 

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ประกอบกับอัยการโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จึงไม่สามารถเอาผิดจำเลยตามฟ้องได้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ศาลแขวงดุสิตจึงมีพิพากษา “ยกฟ้อง” จำเลย ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง

วีรวิชญ์ เผย เหตุลงถนนร่วมชุมนุมไล่นายกฯ เพราะประยุทธ์จัดการโควิดล้มเหลว ทำเศรษฐกิจพัง ทำธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าของตัวเองถูกฟ้องล้มละลายเสียหายกว่า 30 ล้าน

หลังศาลพิพากษายกฟ้อง วีรวิชญ์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ประกอบอาชีพเป็นดีไซเนอร์ ทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าและส่งออกไปยังต่างประเทศ ด้านการเงินถือว่ามีฐานะมั่นคง แต่เมื่อประเทศเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การบริหารภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่สามารถจัดการกับโรคระบาดโควิด-19 ได้ดีเท่าที่ควรเป็น และไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาดีดังเดิมได้ จากการบริหารงานที่ล้มเหลวดังกล่าวทำให้ธุรกิจส่วนตัวของเขาได้รับผลกระทบขนาดหนัก ถึงขนาดกับถูกฟ้องล้มละลาย โดยประเมินเป็นความเสียหายมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

จากเหตุผลข้างผลจึงทำให้วีรวิชญ์ในวัย 60 กว่าปี อดีตเสื้อแดงที่ออกมาต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่ ปี 2549 ตัดสินใจถนนอีกครั้งเพื่อเรียกร้องให้ประยุทธ์ลาออก รวมถึงเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาปากท้องและปัญหาอื่นๆ อีกหลายข้อด้วยกัน จนนำมาซึ่งการถูกดำเนินคดีมากกว่าทางการเมืองรวมทั้งสิ้น 13 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อกล่าวหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อาทิ คดีจากการชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา63 “กูสั่งให้มึงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ”, #ม็อบ14พฤศจิกา64 ต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และ#ม็อบ9กุมภา64 เรียกร้องให้ปล่อยตัว 4 แกนนำราษฎร เป็นต้น

วีรวิชญ์ยังเล่าอีกว่า จากคำพิพากษายกฟ้องวันนี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนก่อนจะดำเนินคดีกับประชาชน การทำงานของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในคดีการเมืองนั้นมีปัญหา เป็นเพียงการกลั่นแกล้งทางการเมืองกับผู้ซึ่งเป็นศัตรูของรัฐบาลเพื่อบั่นทอนทรัพยากรให้อ่อนล้าไปในวังวนของกระบวนการยุติธรรม ทำให้ประชาชนอย่างเขาเสียเวลาไปนานกว่า 2 ปีโดยไร้ค่า

วีรวิชญ์ยังระบุว่า ตลอดเส้นทางของการต่อสู้คดี ยังต้องประสบปัญหาอีกไม่ถ้วน อาทิ ปัญหาความไม่เข้าใจกันในครอบครัว สูญเสียรายได้ ฯลฯ ซึ่งแม้ศาลจะยกฟ้องไปแล้ว แต่รัฐก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบและมีมาตรการเยียวยาใดๆ เลยกับสิ่งที่เขาถูกกระทำ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น