ไม่แปลกที่จู่ๆ พรรคร่วมฝ่ายค้านภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จะออกมาเร่งเร้าเรื่องการเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเรื่องการเปิดกัญชาเสรีว่าเข้าข่ายการได้อำนาจมาโดยมิชอบ เพราะออกนโยบายชวนเชื่อให้ประชาชนหลงผิดในเรื่องของการปลูกและเสพกัญชานำมาซึ่งความนิยมในตัวพรรคภูมิใจไทย เรื่อยไปจนถึงการเล็งยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบพรรคภูมิใจไทยที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการผลักดันเรื่องนี้ออกสู่สังคมอย่างถูกกฎหมาย จนเป็นสาเหตุให้การเข้าถึงกัญชาทำได้โดยง่ายและไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ที่ฝ่ายค้านมองว่าทำให้เกิดปัญหามากมายตามมาในสังคม เพราะนโยบายที่คิดเอาแต่ได้ของพรรคภูมิใจไทย หวังแต่คะแนนเสียงหวังแต่คะแนนนิยมโดยไม่สนผผิดชอบชั่วดี
มองเรื่องนี้แบบผิวเผินบางคนก็คิดว่าพรรคเพื่อไทยคิดดีต่อสังคมเป็นห่วงเยาวชนที่อาจจะหลงผิดติดยา เพราะกัญชาหาได้แสนง่ายในยุคนี้ แต่ในทางการเมืองก็รู้กันอยู่ว่า พรรคเพื่อไทยออกมาเคลื่อนเรื่องนี้แบบหนักหน่วงก็เพื่อเบรกเพื่อลดกระแสความร้อนแรงในเรื่องนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย คราวนี้หัวหน้าพรรคอย่างหมอชลน่าน ศรีแก้ว ถึงขนาดประกาศว่าจะส่งเรื่องให้กกต.ยุบพรรคสายเขียวให้รู้แล้วรู้รอด ตัดเสี้ยนหนามพรรคภูมิใจไทยให้พ้นทางออกไปเลย จับอาการพรรคเพื่อไทยของนายใหญ่ฝ่ายทักษิณออกตัวแรงในเรื่องนี้ ก็ชัดเจนว่าขณะนี้พรรคภูมิใจไทยได้กลายเป็น “กระดูกชิ้นโต” ของพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณไปแล้วจริงๆ ไม่งั้นไม่เสียอาการถึงขั้นงัดสารพัดวิธีเอาเรื่องร้องยุบพรรคมาขู่พรรคภูมิใจไทยแบบสิ้นท่าไม่มีราคาแบบนี้
ฝ่ายพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ยี่หระกับคำขู่ เพราะเบอร์ใหญ่ๆของพรรคแกนนำระดับต้นๆ ก็เรียงหน้าออกมาโต้หมอชลน่านแบบจัดเต็ม “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาสับแหลก “ไร้ภาวะผู้นำ” ทำตัวไม่สมกับเป็นหัวหน้าพรรค ใกล้เลือกตั้งแล้วควรต่อสู้กันด้วยฝีมือ นโยบายของพรรค ใครรับใช้ชาวบ้านได้มากกว่า ไม่ใช่เอาเรื่องเล็กๆน้อยๆ เรื่องจิ๊บจ๊อยแบบนี้มาทำลายล้างกัน ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่สนใจเรื่องความขัดแย้ง เทิดทูนสถาบัน อยู่ในครรลองนี้มาตลอด ฝ่าย “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย สวนกลับประเด็นหวังดิสเครดิตทางการเมืองในทำนองว่า “เรื่องนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง” ไม่ต้องไม่ตีโพยตีพายตอบโต้อะไร เพราะคนไทยเห็นพรรคเพื่อไทยออกมาร้อนตัวแบบนี้ก็รู้อยู่แล้วสาเหตุเกิดจากอะไร
งานนี้ต้องบอกว่าพรรคเพื่อไทยคงกำลังหลังพิงฝาเลือดตาแทบกระเด็นจริงๆในการเลือกตั้งคราวหน้า เพราะนายใหญ่ทักษิณนักโทษหนีคดีที่ดูไบ อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลานใจจะขาด เพราะล่าสุดมีหลานออกมาเป็นพรวน เลือกตั้งเที่ยวนี้จึงต้องบี้ให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ชนะการเลือกตั้งเหมือนสมัยพรรคไทยรักไทยรุ่งเรือง กวาดส.ส.ค่อนสภาเป็นรัฐบาลได้เลยแค่พรรคเดียว จากนั้นก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสนอชื่อ “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ก่อนออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้วีซ่ากลับบ้านแบบเท่ห์ๆ แต่แผนทั้งหมดจะพังทลายฉิบหายหมด ก็เพราะจะถูกพรรคภูมิใจไทยนี้แหละกำลังเป็น “ก้างขวางคอ” เนื่องจากมีพื้นที่ทับซ้อนช่วงชิงส.ส.กันหลายเขตในหลายจังหวัด แถมอนาคตสองพรรคนี้แหละที่น่าจะเป็นคู่แข่งชิงนายกฯกันตรงๆ ระหว่างอุ๊งอิ๊งลูกสาวคนสุดท้องของทักษิณย์ กับเสี่ยหนูศิษย์เอกก้นกุฏิของครูใหญ่เนวิน เพราะดูแล้วคนอื่นคงผงาดขึ้นมาช่วงชิงยาก ยกเว้น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปกินดีหมีใจเสือลงมาคุมพรรคพลังประชารัฐ นำทัพออกศึกเลือกตั้งคราวหน้าด้วยตัวเอง ตรงนี้ก็อาจมีลุ้นขึ้นมาได้บ้าง แต่ถ้าอยู่แบบเจ็ดน้ำไม่เปื่อยไม่ยอมส่งสัญญาณให้ชัดเสียที แบบนี้พรรคพลังประชารัฐเหนื่อยโดยเฉพาะหากหวังจะลุ้นเป็นพรรคเบอร์ 1 ขั้วตรงข้ามกับทักษิณ
เพราะเพลานี้อนุทินได้รุกคืบ พรรคภูมิใจไทยได้เคลื่อนทัพจัดกำลังพลเตรียมสู้สงครามใหญ่ไปไกลแล้ว ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังติดกับดักเรื่องตัวบุคคลอยู่แล้ว ตกลงยังไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเล่นการเมืองไหม หากเล่นการเมืองต่อจะไปกับใคร อยู่กับพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิมหรือไปต่อกับบ้านหลังใหม่อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติของ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคย์ เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ “บิ๊กตู่-ลุงป้อม” ไม่คุยกันให้ชัดเสียทีว่าจะเอาไง ปล่อยนานไปลูกพรรคตายหมด พื้นที่ก็ไม่ชัด ตัวผู้สมัครก็ไม่เคลียร์ นานวันมีแต่ “ทรง” กับ “ทรุด” เพราะเบอร์ใหญ่มัวแต่เล่นเง่ไม่ยอมคุยให้จบกันเสียที ตัวเล็กปลาซิวปลาสร้อยก็ลำบาก ไม่แปลกที่พรรคพลังประชารัฐจะมีข่าวเลือดไหล คนเตรียมลาออก มีโอกาสพรรคแตก เพราะผู้นำรัฐบาลกับผู้นำพรรค มองปัญหาไม่ออกตีโจทย์การเมืองไม่เป็น ต่างจากพรรคพลังใบของเสี่ยหนู ที่วันนี้ทุกอย่างพร้อมสรรพได้อยู่เป็นรัฐบาลมาเกือบ 4 ปี เงินทองกระสุนเสบียงกรังมีเพียบ เครือข่ายสมุนบริวาร ข้าราชการในมือก็มีพร้อม อำนาจบารมีไม่ต้องห่วงเพราะรัฐมนตรีคนพรรคนี้ “ใช้ได้-บริหารเป็น” กันหมด เห็นไหมว่าผลงานของกระทรวงเกรดเอที่ออกมาตอนนี้ของรัฐบาล ส่วนใหญ่มาจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคมที่เป็นของพรรคภูมิใจไทยทั้งนั้น เรื่องพวกนี้เสี่ยหนูครูเนเขาเล่นเป็น หยิบแต่ของร้อนจับแต่เรื่องแรงที่พรรคอื่นไม่กล้าแต่พรรคภูมิใจไทยเอามาทำหมด ไม่สำเร็จก็ถูกด่าแต่ถ้าทำได้ก็คุ้มค่า เรื่องกัญชาเสรี กยศ.ไม่มีดอกเบี้ยไม่เก็บค่าปรับ ก็มีให้เห็นมาแล้ว ว่า “ของร้อน” ถ้าหยิบเอามาเล่นใช้ประโยชน์ได้เป็นก็สร้างความนิยมให้กับพรรคการเมืองได้ ไม่นับเรื่องถนนหนทาง รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ สถานนีอนามัย โรงพยาบาลในต่างจังหวัด ที่พรรคภูมิใจไทยรุกคืบตีกินสร้างผลงานทั้งหมด ยังมีเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว เรื่องบูมกีฬาสารพัดเรื่องอีกพะเรอเกวียน ผลงานเพียบแทบไม่ต้องบรรยายหรือคุยโม้โอ้อวดอะไร เพราะก็เห็นๆกันอยู่
ไม่แปลกที่การเติบโตแบบพุ่งพรวดชนิดก้าวกระโดดของพรรคภูมิใจจะทำให้พรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณมองว่าเป็นศัตรูทางการเมืองตัวฉกาจ เป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง เลือกตั้งเที่ยวหน้าระบบเขตจาก 350 เขต กลับไปเป็น 400 เขต อีสาน 20 จังหวัดจากส.ส. 116 คนเพิ่มเป็น 132 คน ลำพังแค่อีสานใต้ 5 จังหวัด คือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี รวมกันรอบหน้าก็มีส.ส. 54 คน เกือบครึ่งหนึ่งของอีสานทั้งหมด พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าทั่วประเทศแลนด์สไลด์กวาดส.ส.ขั้นต่ำ 250 คน ในอีสานตั้งเป้าให้ได้ 100 คน พรรคภูมิใจไทยครูใหญ่เนประกาศรอบหน้า 120 คนทั่วประเทศ อีสานจากที่เคยได้ 16 รอบหน้าต้องขยับเพิ่มอีก 1 เท่าเป็นอย่างน้อย เลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 คราวที่แล้ว พรรคภูมิใจไทยได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 3,734,732 คะแนน ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 12 คน ส.ส.เขต 39 คน ประกอบด้วย ภาคกลาง 14 คน อีสาน 16 คน ภาคเหนือ 1 คน ใต้ 8 คน กทม.ไม่ได้เลย แต่เลือกตั้งเที่ยวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว ล่าสุดนอกจากภาคอีสานฐานใหญ่ ภาคกลางฐานรอง ภาคใต้ฐานเสริม พรรคภูมิใจไทยเตรียมขยับปักหมุดในเมืองหลวงพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างจริงๆจังๆ
ล่าสุดดึง “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลฯ เข้ามาช่วยงานพรรคคุยกันมา 4-5 เดือนแล้ว หวังเอาประสบการณืที่เคยเป็นส.ส.กรุงเทพหลายสมัย เป็นรองผู้ว่าฯกทม. คร่ำหวอดกับสนามการเมืองกรุงเทพมายาวนาน เข้ามาช่วยงานพรรคภูมิใจไทย มอบหมายให้เป็นแม่ทัพเมืองหลวงนำทีมผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทยแจ้งเกิดสนามกรุงเทพมหานครให้ได้ ที่เที่ยวหน้ากทม.จะได้ส.ส.เพิ่มจาก 30 เป็น 33 คน ข่าวว่าเสี่ยบีเล็งดึงก๊วนเก่าที่เป็นส.ส.พลังประชารัฐในกรุงเทพฯ ที่ตอนนี้เหลืออยู่ 11 คน หลัง “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ไขก๊อกออกไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ มาสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย ตอนนี้มีหลายคนตัดสินใจจะมาแล้วแค่รอจังหวะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง ขณะที่ฝ่ายส.ส.เพื่อไทยในกรุงเทพฯ ก็มีหลายคนสนใจอยากมาซบตักเสี่ยหนูใต้ปีกครูเนเช่นกัน เพราะมั่นใจยังไงก็เป็นรัฐบาลแน่ ชิงนายกฯเที่ยวหน้าถ้าบิ๊กตู่ไม่เล่นการเมืองต่อขั้วทักษิณไม่อุ๊งอิ๊งก็เศรษฐา ส่วนฝ่ายตรงข้ามทักษิณเต็งหามก็คือเสี่ยหนูศิษย์ครูเนแน่นอน จุดเด่นผลงานเพียบ จุดขายพูดแล้วทำ จุดแข็งปกป้องสถาบัน ส่วนใครจะเข้าวินก็ต้องตามไปลุ้นกัน
///////////////////