เมื่อเวลา 20.00 น วันที่ 19 ตุลาคม 2565 สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มทรงตัวแต่ยังไม่ลดระดับทำให้ประชาชนยังคงต้องพักอาศัยตามที่ต่าง ๆ หลังจากบ้านถูกน้ำท่วมและไม่อยากทิ้งบ้านไปไกล โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายธวัชชัย บัวทิพย์ อายุ 38 ปี ชาว ตำบลท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งบ้านของนายธวัชชัย ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถพักอาศัยภายในบ้านได้ต้องมาหาที่พักอาศัยภายนอกบ้าน โดยนายธวัชชัย เลือกเมรุ ของวัดวงศ์ฆ้อง ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักของตนเองทำ เป็นที่พัก โดยใช้พื้นที่บนเมรุเป็นพื้นที่ใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น กินข้าว ทำกับข้าว หลับนอน ดีดกีต้าร์ร้องเพลง รวมถึงเป็นสถานที่สำหรับให้ลูก ๆ ได้เล่นกันอีกด้วย
หนุ่มกรุงเก่า พาครอบครัวกว่า 10 ชีวิต ทิ้งบ้านหนีน้ำท่วมอาศัยเมรุเป็นที่นอน มองข้ามความกลัว
ข่าวที่น่าสนใจ
นายธวัชชัย เปิดเผยว่า ที่ตัดสินใจเลือกเมรุเป็นที่พักชั่วคราว เนื่องจากบ้านของตนอยู่ใกล้วัดและไม่อยากทิ้งบ้านไปไหน อยากจะเข้าไปดูบ้านก็พายเรือไป ตนอาศัยบนเมรุแห่งนี้มาโดยตลอด เมื่อเกิดน้ำท่วม ครอบครัวของตนจึงไม่รู้สึกหวาดกลัว ๆ ใด โดยขึ้นมาพักอาศัยทั้งหมด 2 ครอบครัวกว่า 10 ชีวิต มีทั้งพ่อแม่ลูกหลานพี่น้องขนของขึ้นมาพักอาศัยอยู่บนนี้ตั้งแต่เกิดน้ำท่วม ถ้าถามตนเองกลัวไหมตอบชัดเจนว่าไม่กลัว เพราะเติบโตอยู่ภายในวัดแห่งนี้มาตั้งแต่เล็ก และก่อนที่จะน้ำท่วมก็เพิ่งจะเผาศพไปได้เพียงแค่วันเดียว ก็ย้ายขึ้นมาอยู่เลย ส่วนทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นั้น ก็มีจัดสถานที่พักอาศัยให้แต่ตนเองก็ไม่ได้ขึ้นไปอยู่ เพราะมีสัตว์เลี้ยงทั้งไก่ชน และ สุนัขเลยเป็นห่วงแต่ทางเทศบาลก็มามอบถุงยังชีพ และมาดูแลอยู่เป็นประจำ และทางครอบครัวตนเองเลือกที่จะพักอาศัยอยู่ที่นี่
ทางด้านนางวันทนา โสภี อายุ 60 ปี (แม่ ) กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมลูกๆก็พาขึ้นมาอยู่ที่เมรุ พักอาศัยอยู่บนนี้ทั้งยังทำกับข้าวนั่งเล่นถามว่ากลัวไหมบางครั้งก็กลัวอยู่ แต่ก็ต้องใจแข็งและต้องอยู่กับสถานที่แห่งนี้ให้ได้เพราะเราถือว่าเราไม่ได้มาลบหลู่ ทุกครั้งจะสวดมนต์ไหว้พระทุกคืน
ทางด้าน พ.อ.อ.สุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยากล่าวว่า ทาง 2 ครอบครัวนี้มีความประสงค์ที่จะพักอาศัยอยู่ที่เมรุแห่งนี้แต่ทาง เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยานำโดย. ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยาได้จัด สถานที่ให้พักอาศัยให้และสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ มาดูแลและมอบถุงยังชีพ ให้กับประชาชนที่เกิดน้ำท่วม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
นายพูนศักดิ์. สับบทน อายุ 48 ปี กล่าวต่อว่า ปกติทุกค่ำคืนจะนำกีต้าร์มาดีดและร้องเพลงให้ลูกหลานฟังเพื่อคลายความเครียด และหายจากความกลัว
เกียรติยศ ศรีสกุล ผอ.ข่าว TOPNEWS ภาคกลาง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง