นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีนโยบายให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” นั้น ในส่วนของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาได้มีประกาศ เรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ 12 ต.ค. 2565 โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งทำให้มีผลบังคับใช้ประมาณวันที่ 10 มกราคม 2566 (https://ratchakitcha2.soc.go.th/pdfdownload/?id=139D245S0000000002600)
ซึ่งสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ ได้แก่ การคิดดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ต้องคิดในอัตราที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) ซึ่งหมายความว่า อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อในลักษณะของการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด และในกรณีที่ยังไม่มีกฎหมายใดกำหนดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไว้เป็นการเฉพาะ ให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ตามกลไกตลาด โดยคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) ดังนี้ กรณีรถยนต์ใหม่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 10 ต่อปี กรณีรถยนต์ใช้แล้วต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และกรณีรถจักรยานยนต์ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 23 ต่อปี ทั้งนี้ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาอาจปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลดลงหรือเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศในทุก 3 ปี
นอกจากนี้ ในการเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อตามที่ผู้เช่าซื้อร้องขอ ผู้ให้เช่าซื้อสามารถคิดค่าใช้จ่ายเพียงเท่าที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ใช้จ่ายไปจริง โดยประหยัด ตามความจำเป็น และมีเหตุผลอันสมควร แต่ต้องไม่เกิน 2,500 บาท