นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การให้วัคซีนกระตุ้นภูมิเข็มที่ 3 แก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม มีความจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนซิโนแวคไม่มีประสิทธิภาพ วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายฉีดคนละ 2 เข็มตามที่มีการขึ้นทะเบียนไว้ ถึงแม้จะป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าได้น้อยกว่าวัคซีนเทคโนโลยีใหม่ ในชีวิตจริงซิโนแวคยังมีประสิทธิภาพลดการป่วยหนักและเสียชีวิต แม้ว่าจะไม่ถึง 100% แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ฉีดเลย อย่างไรก็ตามหลังจากฉีดซิโนแวค 2 เข็มเวลาผ่านไปหลาย เดือน ภูมิคุ้มกันแอนติบอดี้ในเลือดจะลดลงตามธรรมชาติ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันบูสเตอร์เข็ม 3 ด้วย วัคซีนแอสตราเซนเนกา หรือวัคซีนเทคโนโลยี mRNA เช่น ไฟเซอร์ นอกจากจะกระตุ้นภูมิต้านทานแอนติบอดี้ให้สูงขึ้น เพื่อจับไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ของเราแล้ว ยังทำให้เกิดภูมิคุ้มกันชนิดที่เราเรียกว่าเม็ดเลือดขาว T cell กำจัดเซลล์ของเราที่เชื้อไวรัสเข้าเซลล์ได้แล้ว
นายแพทย์มนูญ ระบุต่อว่า ช่วงนี้จะทราบข่าวบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในทุกโรงพยาบาลจำนวนไม่น้อย บางโรงพยาบาลเป็นหลักร้อย บางโรงพยาบาลเป็นหลักสิบ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงแม้ว่าได้รับซิโนแวคครบแล้ว 2 เข็ม แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ส่วนตนได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มเมื่อเดือนเมษายน และได้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกาเข็ม 3 แล้ว สำหรับประชาชนที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็ม จำนวนกว่า 7 ล้านกว่าคน การฉีดเข็ม 3 บูสเตอร์ควรจะให้ในภายหลังเมื่อมีวัคซีนเพียงพอ โดยให้คนอายุมากกว่า 60 ปี และคนที่มีโรคประจำตัวก่อนคนอื่น เนื่องจากยังมีคนอีก 40-50 ล้านคนยังไม่ได้วัคซีนแม้แต่เข็มแรก ทั้งนี้เป็นที่ทราบว่าประเทศไทยสั่งจองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส วัคซีนซิโนแวค 19 ล้านโดส วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ทยอยส่งในปีนี้ ตนจึงเสนอให้ไทยควรหยุดสั่งซื้อเพิ่มวัคซีนซิโนแวครุ่นปัจจุบัน จนกว่าจะมีวัคซีนรุ่นใหม่ที่ครอบคลุมเชื้อกลายพันธุ์ทุกชนิด