“นายกฯตู่” ปลื้มนโยบายเปิดประเทศ สร้างรายได้ถึง 2.2 ล้านล้านบาท

นายกฯ เผย นโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล สามารถสร้างรายได้ถึง 2.2 ล้านล้านบาท จาก 2 ด้านหลัก คือ การขยายตัวของการลงทุนจากต่างประเทศ และ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว พร้อมเชิญชวนคนไทยทุกคนเป็นเจ้าบ้านที่น่าประทับใจต้อนรับผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุมเอเปค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

วันที่ 22 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรียนพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน สถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเกือบ 3 ปี ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการ “ปิดประเทศ” ส่งผลให้รายได้หลักจากการท่องเที่ยวลดลงไปอย่างมาก แต่ก็ทำให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้เราเริ่มใช้นโยบาย “เปิดประเทศ” อย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจาก “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี จนขยายออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ และมาสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน ส่งผลให้การขับเคลื่อน การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ เดินหน้าได้อย่างเต็มกำลัง และผมมีความยินดีที่ได้รับรายงานว่าท่ามกลางวิกฤตพลังงานของโลก นโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล ยังคงสามารถสร้างรายได้ การค้า การลงทุน ได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จาก 2 ด้านหลัก คือการขยายตัวของการลงทุนจากต่างประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ดังนี้

ข่าวที่น่าสนใจ

1. การขยายตัวของการลงทุนจากต่างประเทศ
จากการเดินทางเยือนประเทศต่างๆ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และการเจรจาทางการค้าของผมในฐานะนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะรัฐบาล ส่งผลให้ 7 เดือนแรกของปี 65 มีต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย จำนวน 323 ราย โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และจีน ตามลำดับ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 73,635 ล้านบาท โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC มีเงินลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้นกว่า 3,000 คน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ในช่วงเดือนเดียวกัน พบว่า มีการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเกือบ 28,925 ล้านบาท

ซึ่งการขยายตัวการลงทุนอย่างมากในปีนี้ มีปัจจัยสำคัญมาจาก
1. นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ การสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก
3. การอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อรองรับ และจูงใจการลงทุนจากต่างชาติ
4. การดำเนินงานระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านคมนาคมขนส่ง และสาธารณูปโภค ให้แล้วเสร็จตามแผน และพร้อมรองรับการเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

2. การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
โดยตั้งแต่ 1 ม.ค. – 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 5.8 ล้านคน มีอัตราการเดินทางเข้ามาเฉลี่ย 46,000 คนต่อวัน หรือประมาณเดือนละเกือบ 1.5 ล้านคน ทำให้เชื่อได้ว่าธุรกิจการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวแบบ “V-Shape” คือกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ High Season ในช่วงปลายปีนี้ น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยตามเป้าหมาย 10 ล้านคน

โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยตั้งแต่ช่วงการเปิดประเทศ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง มีการใช้จ่ายเฉลี่ยถึง 55,000 บาท ต่อคน (ในช่วงไตรมาสที่ 1 สูงถึง 77,000 บาท เนื่องมาจากการพักค้างระยะยาว) ทำให้อัตราเข้าพักโรงแรมต่างๆ เริ่มฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยว รวมถึงการขยายสิทธิเราเที่ยวด้วยกันของนักท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลถึงสัดส่วนการจ้างงานเพิ่มขึ้น 75%

นอกจากนั้น อีกหนึ่งโครงการของรัฐบาล ที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าประเทศ นั่นคือมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 ตั้งแต่เริ่มโครงการ มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยแล้ว 43 เรื่อง เกิดรายได้หมุนเวียนในเศรษฐกิจประมาณ 8,560 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศและคุ้มค่า โดยเงินลงทุนสร้างภาพยนตร์ทั้งหมดได้กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำทั่วประเทศ และเป็นการสนับสนุน Soft Power ของไทยต่อชาวโลกอีกด้วย

ปัจจัยทั้งสองประการ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆของรัฐ และการควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ และนโยบายช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาค่าครองชีพ ทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ 11 เดือนของปีงบประมาณ 65 (ต.ค. 64 -ส.ค. 65) ได้มากถึง 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าประมาณการถึง 117,898 ล้านบาท หรือ 5.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.8% ซึ่งผลการจัดเก็บรายได้แสดงถึงสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น การกำหนดนโยบายที่สอดคล้อง สอดรับกับสถานการณ์ รวมทั้งตัวเลขการบริโภคและการท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว จากนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน เจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชน องค์กรธุรกิจเอกชนทุกขนาด ที่ร่วมแรงร่วมใจกัน จนเราผ่านพ้นวิกฤตหลายครั้งมาได้ และเดินหน้าพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ในเดือนหน้า เรามีงานใหญ่และสำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ที่จะสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยอีกครั้ง ในการต้อนรับผู้นำประเทศชั้นนำทั่วโลกสู่สยามเมืองยิ้ม ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าเราจะดำเนินภารกิจนี้ได้สำเร็จลุล่วง ด้วยความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกคนในการเป็นเจ้าบ้านที่น่าประทับใจเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอนครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทักษิณ" เล่นใหญ่ กลับเชียงใหม่ นำ "พิชัย" ชิงนายกอบจ. เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยได้ 10 สส.
แตกตื่นทั้งวอร์ด! หามผู้ป่วยพม่าติดโรคห่า 1 ราย ข้ามแดน ส่ง รพ.แม่สอด
ซีพีเอฟ ประมงเพชรบุรี และเรือนจำกลางเพชรบุรี นำภูมิปัญญาท้องถิ่นทำน้ำปลาจากปลาหมอคางดำ ตรา “หับเผย เขากลิ้ง”
หน่อยยลดา มั่นใจ 4 ปี ผลงานเข้าถึงใจ พี่น้องประชาชน ย้ำอีก4 ปี ผลงานที่ค้างจะเดินหน้าก้าว ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
DSI ส่งสำนวนฟ้องคดี "ดิไอคอน" 3.4 แสนแผ่น ยึดทรัพย์สินได้ 747 ล้าน จ่อเอาผิดกลุ่มแม่ข่ายเพิ่ม
‘ทักษิณ’ ถึงเชียงใหม่ กินก๋วยเตี๋ยวร้านดัง เตรียมพร้อมขึ้นปราศรัยช่วยผู้สมัครนายกอบจ. เพื่อไทย เย็นนี้
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขนสินค้าดีมีคุณภาพจากสหกรณ์มาจำหน่ายสู่ผู้บริโภค พบกันในงาน “Co-op Market Fair พลังสหกรณ์ ขับเคลื่อนสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น By ร้านสหกรณ์เทเวศร์ จำกัด”
เปิด 10 ฉายาดารา ปี 67 "แน็ก ชาลี -เจนี่-นาย-ใบเฟิร์น" มาครบ " หนุ่ม กรรชัย" พีกสุด
"เท้ง ณัฐพงษ์" ข้องใจ ปมกกต. ฟันอาญา สส.ชลบุรี พรรคปชน. แจ้งบัญชีใช้จ่ายเท็จ โวยกลั่นแกล้งการเมือง แค่ข้อหาเล็กน้อย
รวบหนุ่มมะกันเผาผู้โดยสารหญิงในซับเวย์นิวยอร์ก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น