วันที่ 24 ตุลาคม 2565 นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีพรรคการเมืองออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ประกาศแก้ไขมาตรา 112 โดยยืนยันว่ากฎหมายมาตรา 112 มีปัญหา ทั้งตัวบทกฎหมาย และการบังคับใช้ รวมถึงอุดมการณ์ที่กำกับอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษได้หมด นอกจากนี้ยังไปฟ้องที่ไหนก็ได้ แบบนี้หรือนักการเมืองทุกท่าน หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค มาตรา 112 ไม่มีปัญหา ไม่รู้เอาส่วนไหนคิด ตนไม่เข้าใจว่า ส.ส.ผู้ทรงเกียรติหรือหัวหน้าพรรคการเมืองผู้อาวุโส เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองทั้งนั้น ไม่เห็นแม้แต่น้อยเลยหรือว่ามาตรา 112 มีปัญหา แกล้งปิดตามองไม่เห็น หรืออะไรอุดปากไว้ว่าพูดไม่ได้
“ปิยุบตร” ปรี๊ดแตก ด่ายับพรรคการเมืองขวางแก้ 112 ถามถูกอะไรอุดปาก แซะอีกหากไม่อยากถูกหมิ่นประมาท ก็อย่ามาดำรงตำแหน่งสาธารณะ
ข่าวที่น่าสนใจ
ส่วนที่บอกว่ากฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐประเทศอื่นก็มี ทำไมประเทศไทยจะมีไม่ได้ นายปิยบุตร อ้างว่า ประเทศอื่นก็มี แต่ไม่มีประเทศไหนที่กำหนดอัตราโทษสูงถึงขนาด 112 ของไทย และไม่มีประเทศไหนมีจำนวนคดี 200-300 คดี เหมือนประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศที่มีกษัตริย์เขาทยอยยกเลิกกันหมดแล้ว หรือหากใช้ก็แค่ปรับ เพราะโลกสมัยใหม่กำลังอธิบายว่าเสรีภาพในการแสดงออกมันต้องมาก่อน การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แล้วถ้าเป็นเรื่องของการหมิ่นประมาทบุคคลสาธารณะ ตำแหน่งสาธารณะที่มีส่วนกับการใช้อำนาจรัฐยิ่งต้องเปิดให้มีเสรีภาพในการวิจารณ์มากยิ่งขึ้น ถ้าคุณไม่อยากหมิ่นประมาททางที่ดีก็อย่ามาดำรงตำแหน่งนี้ คุณก็จะไม่โดนวิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้นส.ส.ผู้ทรงเกียรติหากไม่มีเวลาทำการบ้าน ให้ทีมงานค้นคว้าว่ากฎหมายประเทศอื่นเป็นอย่างไร ส.ส.ผู้ทรงเกียรติที่พูดแบบนี้ตนอาย อายคนอื่น ไม่อายคนไทยก็อายฝรั่ง ท่านไม่อายหรือที่บอกว่ากฎหมาย 112 ของเราดีทุกอย่าง อย่าหลอกตัวเอง เอาข้อมูลมาพูดกัน
ส่วนที่พรรคการเมืองบอกว่าประชาชนธรรมดายังมีกฎหมายหมิ่นประมาท แล้วพระมหากษัตริย์ประมุขของรัฐจะไม่ให้มีกฎหมายคุ้มครองได้อย่างใด นายปิยบุตรกล่าวว่า พรรคก้าวไกลเขาไม่ได้เสนอให้ยกเลิก แม้ตนจะอยากให้ยกเลิก เพราะตนเชื่อว่าใช้กฎหมายหมิ่นประมาทคนธรรมดาก็ได้ คุณไม่จำเป็นแยกมาตราออกมาต่างหาก ซึ่งพรรคก้าวไกลเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นหากพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งแล้วได้แก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะไม่มีกฎหมายคุ้มครองเกียรติยศพระมหากษัตริย์ แต่จะมีและรัดกุมขึ้น รวมทั้งทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงมากขึ้น สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยสากล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง