การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในคราวหน้า ที่เบื้องต้นคอการเมืองคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2566 ที่ตอนนี้เริ่มมีการคุยกันแล้วว่าหลังจบภารกิจประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 14-19 พ.ย. นี้ ที่ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน การเมืองคงเห็นหน้าเห็นหลังชัดเจน แว่วว่าผู้มีอำนาจคุยกันแล้วว่าจะประกาศยุบสภาในเดือน ม.ค. จากนั้นนับระยะเวลา 45 ไม่เกิน 60 วันก็จะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ที่ยังไงก็ตามไม่เกิน 23 มี.ค.2566 นี้จะมีการเลือกตั้งแน่นอน ตอนนี้แต่ละพรรคก็ขะมักเขม้นแต่งองค์ทรงเครื่อง ประกาศตัวผู้สมัคร จัดทำนโยบาย ลงพื้นที่ทยอยเปิดตัวทั้ง “คน” ทั้ง “แนวทาง” ของพรรคให้รับรู้กันไปทั่ว หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นคนเก่า ที่คร่ำหวอดในแวดวงเมืองมานานอย่างพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ภายใต้การนำของ “เสี่ยอุต” อุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลังและรมว.อุตสาหกรรม กับ “เฮียสน” สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงานและรมว.พาณิชย์ ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ ก่อนถูก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เข้ามารัฐประหารทำการฮุบพรรคครองอำนาจเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างที่ทราบว่าในพรรคสร้างอนาคตไทยนอกจากสองกุมารแล้ว ยังมีการดึงนักการเมืองอาวุโสรุ่นลายครามหลายคนจากหลายค่ายเข้ามาร่วมงาน อาทิ ปองพล อดิเรกสาร , นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ,สุพล ฟองงาม ,วิเชียร ชวลิต ,วัชระ กรรณิการ์ ฯลฯ รวมถึง “เสี่ยปุ้ม” สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกฯ ยุค “เจ๊ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯสมัยทักษิณ เข้ามาเป็นแกนนำของพรรค โดยมีจุดขายเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ เน้นแก้ไขปัญหาปากท้อง ฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักธธุรกิจนักลงทุน เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศ โดยชูจุดขายวางตัว “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ 4 สมัย อดีตขุนคลัง 4 ครั้ง อดีตรมว.พาณิชย์ กูรูเศรษฐกิจระดับท็อปของประเทศขึ้นเป็นนายกฯ แม้อายุจะย่าง 70 ปี แต่พรรคสร้างอนาคตไทยก็ยังคิดว่าสมคิดก็ยังขายได้ โดยพาะหากวัดจากผลงานที่เคยทำไว้มากมายในหลายยุคหลายรัฐบาล ตั้งแต่ยุคทักษิณเรื่อยมาจนถึงยุคพล.อ.ประยุทธ์
ก่อนหน้านี้ใครตามพรรคสร้างอนาคตไทยมาตลอด ก็จะรู้ว่าแกนนำของพรรคส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนสนิทคนใกล้ชิดเฮียกวงทั้งนั้น นอกจากสองกุมารแล้ว สันติ กีระนันท์ รองหัวหน้าพรรคและเหรัญญิกพรรค รวมถึงรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ก็ล้วนเป็นลูกหม้อคนใกล้ชิดของสมคิดแทบทั้งนั้น ที่ผ่านมาพรรคก็ทยอยเปิดตัวนโยบายต่างๆพร้อมผู้สมัครในหลายจังหวัดไปบ้างแล้ว ขณะที่ตัวสมคิดก็ไปลงพื้นที่ใหญ่ๆมา 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ภูเก็ต ครั้งที่สองที่พัทลุง คุยฟุ้งนโยบายในอนาคต กระทบกระเทียบเจ้าถิ่นพรรคประชาธิปัตย์ แอบแซะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ชนิดกลายเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์
ภายนอกภาพลักษณ์ของพรรคดูสวยงามดูมีอนาคต ได้สมคิดเป็นแคนดิเดตนายกฯ แกนนำพรรคมีอุตตมมีสนธิรัตน์ขับเคลื่อนพรรคไปตามจังหวัดต่างๆ แต่กระนั้นภายในพรรคใครจะรู้บ้างว่าตอนนี้เริ่มมีคลื่นใต้น้ำกระแสข่าวความขัดแย้งของแกนนำพรรคกันเอง ลอยลมดังถึงหูคนนนอกมาแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ถ้าแกนนำในพรรครักใคร่กันดี ใครก็แซะใครก็ตีให้แตกไม่ได้ แต่กับกรณีที่เกิดขึ้นดูเหมือนรอยร้าวระหว่าง สุรนันท์กับสองกุมารคงยากที่จะประสาน อย่าลืมว่าสุรนันทน์มาจากปีกพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณอยู่กับขั้วนายใหญ่แบบฝักรากลึกมานาน ส่วนสองกุมารอย่าง “อุตตม-สนธิรัตน์” อดีตก็มาจากพรรคพลังประชารัฐพรรคแกนนำหลักในการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ สุรนันทน์เข้าพรรคมาอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทยได้ ก็เพราะสมคิดชักชวนมาช่วยงานพรรคสร้างอนาคตไทยเพราะรู้จักมักจี่คุ้นเคยกันมานาน รอบนี้ทำพรรคใหม่พรรคสร้างอนาคตไทยจึงต้องอาศัยคนหลายฝ่ายเข้ามาช่วยงาน ไม่แปลกที่จะกลายเป็นพรรคแกงโฮ๊ะ เพราะรวมแกนนำต่างพรรคมาอยู่ร่วมกันหมด พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ฯลฯ เป็นธรรมดาที่ร้อยพ่อพันแม่ย่อมต้องมีเรื่องไม่เข้าใจกันมองคนละมุมกันเป็นธรรมดา สมคิดดึงสุรนันทน์เข้าพรรคก็หวังให้มาช่วยกันคนละไม้คนละมือโดนเฉพาะฐานเสียงของคนเมืองในกรุงเทพฯที่เสี่ยปุ้มน่าจะอาศัยประสบการณ์ช่วยงานพรรคได้มาก ในฐานะที่เคยต่อสู้ในสนามการเมืองกรุงเทพมายาวนาน
ก่อนหน้านี้มีข่าวใหญ่เรื่องพรรคสร้างอนาคตไทยอาจจะหนีตายสูตรการ 100 ไปรวมกับพรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ความจริงสมคิดกับสุดารัตน์นั้นรักใครรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะสนิทสนมกันมานานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคไทยรักไทยสมัยทักษิณยังไม่คิดล้มเจ้ายังไม่มักใหญ่ใฝ่สูง สายสัมพันธ์ของสมคิดกับเจ๊หน่อยแนบแน่น ถึงขนาดเฮียกวงประกาศว่าเจ๊หน่อยเจ้าของพรรคไทยสร้างไทย คือ “น้องสาว” ในแวดวงการเมือง เพราะฉะนั้นดีลการเมืองในเรื่องรวม 2 พรรคจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริง และคนในพรรคที่สนับสนุนต้องการให้ดีลนี้เกิดขึ้นคนหนึ่งก็คือสุรนันทน์นั้นแหละเพราะสนิทแนบแน่นกับต้นขั้วหัวหน้าทีมทั้งสองฝ่าย แต่การรวมพรรคดูเหมือนจะไม่เป็นที่ปลื้มของสองกุมาร เพราะเพิ่งตั้งพรรคทำพรรครันพรรคมากับมือตัวเองแท้ๆ ลงทุนลงแรงลงสมองสติปัญญาไปก็มาก จู่ๆจะมาให้ยุบรวมเทพรรคไปขึ้นกับเจ๊หน่อยก็ใช้เรื่อง ประเด็นนี้เลยทำให้สองกุมารมองต่างมุมกับสุรนันทน์มาโดยตลอด ล่าสุดแว่วว่าระหว่างมีการพูดคุยกับแกนนำทั้ง 2 พรรค ฝ่ายสองกุมารควงสมคิดไปคุยกับเจ๊หน่อยแค่นั้นโดยไม่มีสุรนันทน์ติดสอยห้อยตามไปด้วย งานนี้ไม่รู้มีหักเหลี่ยมเฉือนคมกันหรืออย่างไร ระหว่างเสี่ยปุ้มกับสองกุมาร แต่วงในระดับจิ๊กจกเกาะเพดานกระซิบมาแบบนั้น นอกจากนี้กรณีที่พรรคสร้างอนาคตไทยมีการแบ่งภาคแบ่งภาระหน้าที่ให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละคนดูแลรับผิดชอบพื้นที่ต่างๆ ในส่วนของเมืองหลวงกรุงเทพฯ ผลงานการลงพื้นที่ การจัดกิจกรรมต่างๆ แม้กระทั่งตัวคนผู้สมัครที่มาอยู่กับพรรคก็ไม่เปรี้ยงปร้างให้เห็นเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร หากเทียบกับพรรคการเมืองอื่นๆ ตรงนี้ก็ทำให้หลายคนสงสัยใน “ฝีไม้ลายมือ” และ “ความทุ่มเท” ให้พรรค ดูไม่เท่ากับเงินหรือผลตอบแทนที่เบิกจากพรรคไป
นอกจากนี้ระยะหลังดูเหมือนพรรคสร้างอนาคตไทยจะหลุดเฟรม และถูกวิพากษ์วิจารณ์หลายหนหลายเรื่อง โดยเฉพาะท่าทีที่แซะรัฐบาลอัดบิ๊กตู่อยู่ต่อเนื่อง ที่ก่อนหน้านี้ตอนเปิดตัวพรรคใหม่เมื่อหลายเดือนก่อน สองกุมาร “อุตตม-สนธิรัตน์” เคยประกาศไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯจริงเนื่องจากเพิ่งตั้งไข่ตั้งพรรคใหม่ๆ แต่ระยะหลังแกนนำทั้ง 2 คน ก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้ไม่พยายามหยิบประเด็นนี้มาพูดให้กลายเป็นเรื่องขุ่นข้องหมองใจ เพราะรู้ดีว่าอนาคตมีโอกาสสูงยิ่งที่พรรคสร้างอนาคตไทยอาจไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ สองกุมารเลยสงวนท่าทีไม่อยากเปิดศึกขัดแย้งกับบิ๊กตู่ที่เคยร่วมหัวจมท้ายกันมาก่อน แต่ดูเหมือนสุรนันทน์ไม่คิดแบบนั้น เพราะตั้งแต่เข้าพรรคมาจนถึงปัจจุบันเสี่ยปุ้มดูเหมือนเคลื่อนไหวเลย “ธง” พรรคตลอด ตั้งหน้าตั้งตาอัดพล.อ.ประยุทธ์แรงๆเป็นประจำ โจมตีรัฐบาลหลายเรื่องมาโดยตลอด ทั้งการประกาศว่านายกฯบริหารประเทศผิดพลาดมาตลอด 8 ปี การไล่บิ๊กตู่ให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วๆ เพราะหมดสภาพการบริหารบ้านเมืองแล้ว หรือแม้แต่การให้สัมภาษณ์สื่อไปทั่วในทำนองว่าถ้าพรรคการเมืองมี 2 ข้าง พรรคสร้างอนาคตไทยจะยืนอยู่ในฝ่ายที่ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์แน่นอน ฯลฯ
ล่าสุดไม่รู้สุรนันทน์ไปโกรธใครในพรรคหรือต้องการส่งสัญญาณอะไร แต่จู่ๆ ก็โพสต์ภาพระหว่างไปงานสัปดาห์หนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติร์ เป็นภาพหน้าปกหนังสือ “มนุษย์ต่างด้าว เรามาอย่างสันติ” ของปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาคดี 112 ที่ลี้ภัยในต่างแดน ถามว่าสุรนันทน์มาโพสต์ซื้อหนังสือนักวิชาการเลว เหยียบย่ำสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยแบบนี้ พรรคสร้างอนาคตไทยรู้ไหม สมคิดว่ายังไง สองกุมาร “อุตตม-สนธิรัตน์” เห็นด้วยหรือไม่ จำไม่ผิดก่อนหน้านี้สองกุมารประกาศจุดยืนพรรคแม้ไม่หนุนบิ๊กตู่เป็นนายกฯ แต่เรื่องของการปกป้องสถาบันเรื่องดูแลเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พรรคสร้างอนาคตไทยไม่เคยคิดไม่ก้าวล่วงและประกาศจุดยืน ม.112 ต้องคงไว้ ถามว่าวันนี้สุรนันทน์แสดงความเห็นหลายเรื่องหลายเวที โพสต์รูปซื้อหนังสือของนักวิชาการเลวอย่างปวินอย่างหน้าชื่นตาบานในเฟซบุ๊ค
เป็นรสนิยมส่วนตัวของสุรนันทน์หรือเป็นธงของพรรค เรื่องนี้สมคิด อุตตม สนธิรัตน์ ต้องออกมาบอกให้ชัด ไม่งั้นคนรักสถาบันปกป้องชาติสถาบันจะเข้าใจผิด คิดว่าเฮียกวงกับสองกุมารถือหางสุรนันทน์ให้ท้ายเสี่ยปุ้มหนุนหลังคนชั่ว เท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไรพรรคสร้างอนาคตไทยต้องออกมาเคลียร์ให้กระจ่าง ไม่งั้นคนที่รักสมคิด คนที่เอาใจช่วยสองกุมาร คนที่อยากสนับสนุนพรรคสร้างอนาคตไทย จะเข้าใจผิดคิดว่าพรรคฝักใฝ่ล้มเจ้าหนุนหลังสามกีบเป็นอีแอบพันธมิตรกับพวกส้มแดงชังชาติ พรรคสร้างอนาคตไทยจะบรรลัยเอาได้ง่ายๆ อย่าหาว่าไม่เตือน ชั่วโมงนี้ทะเลาะกันแล้วงัดกันแล้วแตกหักกันแล้วใช่ไหมสุรนันทน์ถึงออกมาฟาดงวงฟาดงาแบบนี้ ก่อนหน้านี้กลางเดือนที่ผ่านมาสุรนันทน์เคยออกมาเขียนเฟสบุ๊คความว่า “Maybe it is time to move on…..” เสี่ยปุ้มต้องการส่งสัญญาณอะไรไหม ข่าวว่าหากคุยกันไม่ได้ไปกันไม่ไหวกับพรรคสร้างอนาคตไทยจริงๆ ป้ายหน้าสุรนันทน์อาจไปอยู่กับพรรคไทยสร้างไทยของเจ๊หน่อยไม่ก็กลับบ้านเก่าไปพรรคเพื่อไทยอยู่กับนายใหญ่คนแดนไกลนักโทษหนีคดี แต่ดูจากจุดยืน แนวคิด อุดมการณ์ ลักษณะนิสัย ปัจจัยแวดล้อม ทรงการเมืองแบบนี้ คงอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับสองกุมารลำบาก รอเวลาคอนเวิร์สทางใครทางมันกันแน่นอน
////////////////////