“ชัชชาติ” ไร้ทางแก้หนี้รถไฟฟ้าสีเขียว แบไต๋พึ่งงบฯรัฐ-สรุปขยายสัมปทาน

"ชัชชาติ" ไร้ทางแก้หนี้รถไฟฟ้าสีเขียว แบไต๋พึ่งงบฯรัฐ-สรุปขยายสัมปทาน

ถือเป็นประเด็นร้อน หลังจากสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) มีกำหนดพิจารณากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ใน 2 ญัตติสำคัญ เป็นครั้งแรก หลังจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เข้ามาทำหน้าที่เป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 หรือกว่า 4 เดือนที่ผ่านมา ประกอบด้วย

1. แนวทางการเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ
2. การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ขณะที่ ล่าสุด วันนี้(25 ต.ค.65) นายชัชชาติ ชี้แจงถึงกรอบการหารือกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในที่ประชุมสภากทม. ว่า กรณีค่าโดยสารของส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ

ทางกรุงเทพมหานครเสนอให้จัดเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย ซึ่งหากสภากรุงเทพมหานครเห็นชอบ จะมีการสั่งการต่อไปยังบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ KT ให้มีการจัดเก็บค่าโดยสาร ซึ่งทาง KT จะแจ้งแก่เอกชนผู้ดำเนินการต่อไป คือใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนนับจากสภากทม. เห็นชอบ

ขณะที่ปัจจุบัน เปิดให้มีการนั่งฟรี และการจัดเก็บค่าโดยสาร ก็ไม่สามารถจะเพิ่มอัตราค่าโดยสารไปมากกว่านี้ได้แล้ว เว้นแต่จะหาทางทำให้ลดลงจ ากการคำนวณรายได้ ดังนั้นราคาค่าโดยสารนี้คงเป็นไปในลักษณะทดลองไปก่อน แล้วจะดูอีกครั้งถึงแนวทางการปรับเปลี่ยน แต่อย่างน้อยก็เป็นไปเพื่อให้สภาฯ รับทราบ เหมือนอย่างที่เคยชี้แจงว่าหนี้สินค่าจ้างที่ บริษัทกรุงเทพธนาคม ทำสัญญากับบริษัทเอกชนอยู่มีมูลค่าสูง หรือ จัดเก็บ 15 บาทไม่มีทางพอชำระหนี้สินได้ และต้องมีส่วนต่างต้องเอางบประมาณมาจ่ายกทม.มาช่วยเติม จึงต้องนำเรื่องเข้าสภาฯให้รับทราบ และเพื่อให้เกิดวามรอบคอบในทางกฎหมาย

สำหรับภาระหนี้ที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ว่าจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ให้บริการเดินรถ มีมูลค่าปีละประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท

ส่วนประเด็นเรื่องความเห็น เกี่ยวกับบทสรุปโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามที่กระทรวงมหาดไทยส่งมาสอบถาม ถ้าเมื่อสภากทม. ให้ความเห็นอย่างหนึ่้งอย่างใด กทม.จะมีการตอบกลับเป็นหนังสือต่อไป

โดยความเห็นของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นั้นมี 2 แนวทาง คือ

1.เห็นว่าไม่ควรมีการต่อสัมปทานโดยคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่ 3/2562 แต่ควรต่อสัมปทานโดยใช้วิธีการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพราะมีตัวแทนจากหลายหน่วยงานมาร่วมพิจารณา

2.ขออุดหนุนค่าใช้จ่ายโครงสร้างงานโยธาของส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เนื่องจากรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ก็มีการขออุดหนุนค่าใช้จ่ายโครงสร้างโยธาเช่นกัน

“เราคิดว่า ถ้าเกิดจะต่อสัมปทาน อย่างที่อยู่ในครม. ควรจะทำพ.ร.บ.ร่วมทุนให้เรียบร้อย เพราะพ.ร.บ.ร่วมทุน มีการคิดอย่างละเอียด มีตัวแทนจากหลายหน่วยงานมา และเรื่องเกี่ยวกับภาวะหนี้โครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าทุกสายก็ช่วยโครงสร้างพื้นฐานหมด ถ้าโยนมาให้ประชาชนเป็นผู้ออกค่าโครงสร้างพื้นฐาน จะทำค่าโดยสารสูง แต่ถ้ารัฐช่วยออกจะให้ประชาชนสามารถจ่ายค่าโดยสารถูกลง รัฐบาลได้รับเงินกลับมาในรูปแบบภาษี แต่ถ้าโยนภาระให้ กทม. กทม.ก็ต้องเอาตรงนี้ไปคิดเป็นค่าโดยสาร ก็ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทางด้าน นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า การขออุดหนุนค่าโครงสร้างงานโยธานั้นเป็นกรณีปกติของการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ซึ่งปัจจุบันค่าโครงสร้างงานโยธา รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 กรุงเทพมหานครรับโอนหนี้จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ประมาณ 5.8-5.9 หมื่นล้านบาทรวมดอกเบี้ย

แต่หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยในการขออุดหนุน กรุงเทพมหานครมีแนวทางออก คือ เปิดเจรจาเพื่อโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งสาย คือ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนสัมปทานช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงสะพานตากสินบางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ คืนกลับให้กับรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขบางประการ ประกอบการพิจารณา อาทิ เช่น ของบประมาณชดเชย หรือ กำหนดเพดานค่าโดยสาร เพื่้อแบ่งปันรายได้ส่วนหนึ่้งกลับคืน กทม. เป็นต้น

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น TOP NEWS ได้นำเสนอชุดข้อมูล เน้นย้ำว่า กรณีของรถไฟฟ้าสายสีเขียว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้ นายชัชาติ ในฐานะผู้ว่าฯกทม.มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ร่วมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้น

เพราะคำสั่งตามมาตรา 44 ว่าด้วยเรื่อง “การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว” จะระบุชัดเจนเกี่ยวกับกรอบอำนาจการตัดสินใจจากบุคคลที่ถูกแต่งตั้งขึ้น ตามมาตรา 265 ประกอบ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557

ไว้อย่างชัดเจนว่า “ให้คณะกรรมการ ที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่นเพื่อประโยชน์ในการรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และ โครงการส่วนต่อขยายที่ 2 และ ดำเนินการเจรจาร่วมกับผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

และในกรณีที่มีการดำเนินการตามขั้นตอน จนได้ผลการเจรจาเป็นที่ยุติ และร่างสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไขแล้ว ให้ถือว่าเป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ในส่วนของการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนแล้ว

หรือในกรณีครม. ไม่เห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุน ให้ส่งเรื่องคืนไปยังรมว.มหาดไทย เพื่อพิจารณาทบทวนและเสนอความเห็น ประกอบเรื่องทั้งหมด ต่อครม.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง และหากต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมร่างสัญญาร่วมลงทุน ให้ส่งร่างสัญญาร่วมลงทุน ให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจพิจารณาก่อนเสนอต่อครม. และเมื่อครม.ให้ความเห็นชอบ ให้กทม.ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไขต่อไป

 

ดังนั้นด้วยสาระสำคัญของ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2562 จะเห็นได้ว่า กระบวนการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ท้ายสุดต้องกลับมาที่กระทรวงมหาดไทย และครม. เป็นผู้ชี้ขาด ไม่ใช่การนำความเห็น หรือ การตัดสินใจของนายชัชชาติ ผู้ว่าฯกทม. มาเป็นหลัก เพื่อตัดสินใจเรื่องปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่ได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งอย่างใด

รวมถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เคยให้ความเห็นเรื่องการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไว้ตั้งแต่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ว่า คำสั่งคสช. ยังมีผลเพราะเป็นกฎหมายอยู่ และเป็นตลอดไปจนกว่ารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจะถูกยกเลิก

ส่วนความเห็นของกทม.เป็นเพียงข้อเสนอที่นำส่งให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา และมหาดไทยจะเป็นคนส่งให้ครม.ตัดสินใจ แต่ครม.ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบตามที่กทม.เสนอ “เพราะถึงเวลาอาจต้องเสียเงินเสียทองใช้งบประมาณแผ่นดิน ครม.ก็มีสิทธิที่จะคิด ดังนั้นสุดท้ายต้องมาจบที่ครม. และเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ค้างอยู่นั้น ไม่จำเป็นต้องถอนจากวาระประชุม เพราะยังไม่ได้นำเข้าครม. เรื่องนี้มาจากกระทรวงมหาดไทย ถ้าหากเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่จึงค่อยถอนออกไป”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น